กยศ.ขอลูกหนี้ที่โดนฟ้องตั้งแต่ปี 57 ปรับโครงสร้างหนี้

Advertisement นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า ตามที่กองทุนฯได้เปิดให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับผู้กู้ยืมนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้กู้ยืมที่กองทุนฯดำเนินคดีในช่วงปี 2557 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าลูกหนี้กลุ่มนี้ยังมีภาระหนี้ค้าง กองทุนฯจึงขอให้ผู้กู้ยืมกลุ่มนี้ติดต่อปรับโครงสร้างหนี้ให้ได้มีโอกาสผ่อนชำระหนี้ตามสัญญาใหม่ Advertisement เพื่อขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้อีก 15 ปี และผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดทันทีหลังจากทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ Advertisement ในกรณีนี้กองทุนฯอาจจำเป็นต้องบังคับคดีไว้ก่อนเพื่อป้องกันการขาดอายุความ แต่จะงดการขายทอดตลาดไว้ สำหรับเงื่อนไขในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กำหนดให้ผู้กู้ยืมผ่อนชำระเงินคืนกองทุนฯ เป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน และต้องชำระภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี โดยในการชำระเงินงวดสุดท้าย ผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ เมื่อชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้นกองทุนฯจะให้ส่วนลดเบี้ยปรับเดิมที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด   ข่าวจาก : PPTV Online

กยศ. ออกเกียรติบัตร 2.9 ล้านฉบับ ขอบคุณผู้กู้ชำระเงินคืนดี

19 มีนาคม 2567 นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า “ขณะนี้กองทุนได้จัดทำเกียรติบัตรขึ้นเพื่อมอบให้แก่ผู้กู้ยืมเงินที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี จำนวน 2.9 ล้านราย เพื่อเป็นการขอบคุณและเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ผู้กู้ยืมเงินรุ่นพี่ที่ส่งมอบโอกาสทางการศึกษาที่มีค่าให้แก่รุ่นน้อง โดยแบ่งกลุ่มผู้กู้ยืมเงินที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดีเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 กลุ่มผู้กู้ดีเลิศ : ผู้กู้ยืมที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว และมีสถานะปิดบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประเภทที่ 2 กลุ่มผู้กู้ดีเยี่ยม : ผู้กู้ยืมที่ชำระเงินคืนปิดบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประเภทที่ 3 กลุ่มผู้กู้ดี : ผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนสถานะปกติ (ไม่ค้างชำระ) ซึ่งอยู่ระหว่างการชำระเงินอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มีผู้กู้ยืมจำนวนมากที่ได้รับโอกาสทางการศึกษาได้มีอนาคตที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดีอยู่ในหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนทำประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ กองทุนจึงขอเชิญชวนให้ผู้กู้ยืมเงินที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเข้าระบบเพื่อดาวน์โหลดเกียรติบัตรได้ที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยเกียรติบัตรที่มอบให้กับผู้กู้ยืมนั้นเป็นการแสดงว่าเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบและมีวินัยทางการเงิน และสามารถใช้รับสิทธิพิเศษในกิจกรรมตามเงื่อนไขที่กองทุนฯกำหนดต่อไป “กองทุนได้ดำเนินการให้กู้ยืมเงินตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีผู้กู้ยืมเงินรวมทั้งสิ้น 6.8 ล้านราย สำหรับกลุ่มผู้กู้ยืมที่ไม่เคยผิดนัดชำระและผู้กู้ยืมที่อยู่ในช่วงปลอดหนี้ หากมาชำระหนี้ปิดบัญชีจะได้รับการลดหย่อนเงินต้น 3% ณ วันที่ชำระหนี้ปิดบัญชี ทั้งนี้ […]

ชวนลูกหนี้ กยศ. 3,494 ราย ลงทะเบียนขอรับเงินคืนในส่วนที่ชำระเกิน

8 มีนาคม 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) คำนวณยอดหนี้คงเหลือใหม่ตาม พ.ร.บ. กยศ. (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ให้แก่ผู้กู้ยืมกลุ่มเร่งด่วนที่ถูกบังคับคดี หรือถูกอายัดเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว จำนวน 50,614 ราย ทำให้ผู้กู้ยืมบางรายมีสถานะปิดบัญชีได้ทันทีและมีผู้กู้ยืมที่จะได้รับเงินคืนในส่วนที่ชำระเกินจำนวน 3,494 ราย นั้น กองทุนฯ ได้มีการออกหนังสือแจ้งผู้กู้ยืมแต่ละรายให้ลงทะเบียนรับเงินคืนและเริ่มดำเนินการจ่ายเงินคืนแล้วผ่านระบบโอนเงินแบบพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืมเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป “ขอเชิญชวนลูกหนี้ กยศ.ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขอรับเงินคืนทางเว็บไซต์ “กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา” www.studentloan.or.th โดย กศย. จะเร่งคืนเงินให้ตามลำดับต่อไป” นายคารม ย้ำ   ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์

กยศ.คืนเงินลูกหนี้ 3,494 ราย 97 ล้านบาท หลังใช้เกณฑ์คำนวณหนี้ใหม่

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาได้เปิดเผยว่า ขณะนี้กองทุนฯได้ดำเนินการปรับปรุงยอดหนี้ (Recalculate) ของผู้กู้ยืมกลุ่มที่ต้องการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่มียอดหนี้คงเหลือและอยู่ระหว่างถูกบังคับคดีหรือถูกอายัดเงิน จำนวน 50,614 ราย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ผู้กู้ยืมบางรายมีสถานะปิดบัญชีได้ทันทีและมีผู้กู้ยืมที่จะได้รับเงินคืนส่วนที่ชำระเงินเกินจำนวน 3,494 ราย เป็นเงินประมาณ 97 ล้านบาท ซึ่งกองทุนฯได้มีการออกหนังสือแจ้งผู้กู้ยืมแต่ละรายให้ลงทะเบียนรับเงินคืนและเริ่มดำเนินการจ่ายเงินคืนแล้วผ่านระบบโอนเงินแบบพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืมเท่านั้น สำหรับการคำนวณภาระหนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยนำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมเงินแต่ละรายที่ได้ชำระเงินคืนกองทุนฯนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณหนี้ใหม่ ตัดชำระเงินต้นเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ คิดดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อปี และคิดเบี้ยปรับในอัตรา 0.5% ต่อปี หลังจากกองทุนฯปรับปรุงยอดหนี้ให้กับผู้กู้ยืมเงินแล้วหากพบว่ารายใดไม่มียอดหนี้คงเหลือให้ถือว่าผู้กู้ยืมเงินได้ชำระหนี้ปิดบัญชีครบถ้วนแล้ว และหากพบว่าผู้กู้ยืมเงินรายใดมีเงินส่วนที่ชำระเกินจากยอดหนี้ที่ปรับปรุงใหม่ กองทุนฯจะคืนเงินส่วนเกินที่เกิดจากการชำระหนี้ให้กับผู้กู้ยืมเงิน แต่หากรายใดยังมียอดหนี้คงเหลือ ผู้กู้ยืมเงินจะต้องชำระหนี้ตามยอดหนี้คงเหลือต่อไป โดยกองทุนฯจะทยอยดำเนินการปรับปรุงยอดหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืมเงินแต่ละกลุ่มทุกราย ซึ่งกองทุนฯขอยืนยันว่าทุกคนจะได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน” ผู้จัดการกองทุนฯกล่าวในที่สุด   ข่าวจาก : PPTV Online

กยศ.ประกาศปล่อยกู้ 5 หมื่นบาท เรียน 5 หลักสูตรระยะสั้นด้านการบริบาล

(28 กุมภาพันธ์ 2567) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานโครงการนำร่องการให้เงินกู้ยืมในหลักสูตรอาชีพหรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) ร่วมกับสถาบันทันตกรรม และโรงเรียนเอกชนนอกระบบ เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนทั่วไป ตาม พ.ร.บ. กยศ. (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยมีนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษา 74 แห่งร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า ขณะนี้ กองทุนฯได้เตรียมความพร้อมสำหรับการให้กู้ยืมเงินในลักษณะที่ 5 ลักษณะอื่นตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้แก่ประชาชนในการเข้าถึงการศึกษาที่หลากหลาย ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 กองทุนฯจึงได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการนำร่องการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในหลักสูตรอาชีพหรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) กับสถาบันทันตกรรม และโรงเรียนเอกชนนอกระบบ รวม 74 แห่ง ซึ่งจะเป็นการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ตรงตามความต้องการอย่างเหมาะสม  โดยจะเริ่มจาก หลักสูตรการดูแลเด็กเล็ก หลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ หลักสูตรพนักงานให้การดูแล หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยทันตแพทย์ หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยทันตแพทย์ขั้นสูง […]

กรมการจัดหางาน จับมือ กยศ. เสิร์ฟงานผู้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ผ่านเว็บไซต์ “ไทยมีงานทำ”

10 กุมภาพันธ์ นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน ร่วมบูรณาการกับ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งมีหน้าที่สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาด้วยการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา เพิ่มโอกาสทางการศึกษาแบ่งเบาภาระด้านการเงินของผู้ปกครอง เพื่อหารือถึงแนวทางการกำหนดมาตรการช่วยเหลือให้ผู้กู้ยืมเงินมีงานทำ มีรายได้เพียงพอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน มีเงินสำรองยามเจ็บป่วยและสามารถชำระหนี้กองทุนฯ ตามกำหนดได้ ซึ่งกรมการจัดหางานได้แนะนำแพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” ที่รวบรวมตำแหน่งงานจากภาครัฐ ภาคเอกชน และตำแหน่งงานจากบริษัทจัดหางานชั้นนำไว้หลายตำแหน่ง เพื่อให้ผู้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่กำลังมองหางาน สามารถค้นหาข้อมูลตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ด้วยการจับคู่ (Matching) ตำแหน่งงานตามความรู้ ความสามารถ และทักษะที่มีอยู่ หรือค้นหาหลักสูตรฝึกอบรมทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน ต่อยอดเพิ่มรายได้ โดยใช้บริการฟรีได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีค่าบริการ ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งงานในระบบจากทั่วประเทศ จำนวน 179,267 อัตรา โดยตำแหน่งงาน 5 อันดับแรกที่มีความต้องการมากที่สุด ได้แก่ 1.พนักงานขายของหน้าร้านและสาธิตสินค้า 2.เจ้าหน้าที่การตลาด 3.เจ้าหน้าที่สำนักงานอื่นๆ 4.เจ้าหน้าที่บัญชี และ 5.ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด “ผมขอชื่นชม กยศ. ที่หยิบยื่นโอกาสให้คนไทยมีทุนศึกษาต่อ กรมการจัดหางานในฐานะหน่วยงานที่รับไม้ต่อในการส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำหลังเรียนจบ พร้อมสนับสนุน ให้คำแนะนำกับน้อง ๆ […]

เปิดขั้นตอน ลงทะเบียนปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. เผย 5 สิทธิประโยชน์ภายใต้สัญญาใหม่

กยศ. ขอเชิญผู้กู้ยืมทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เริ่มทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป กลุ่มเป้าหมาย • กลุ่มก่อนฟ้องคดี • กลุ่มที่บอกเลิกสัญญาแล้วแต่ยังไม่ฟ้องคดี • กลุ่มที่ฟ้องคดีแล้วแต่ศาลยังไม่มีคำพิพากษา • กลุ่มที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วแต่ยังไม่บังคับคดีและได้บังคับคดีไปแล้ว • กลุ่มอื่น ๆ ทั้งหมด เงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ 1. ผู้กู้ยืมจะต้องผ่อนชำระเงินคืนกองทุนเป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน 2. ผู้กู้ยืมต้องชำระภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี 3. ในการชำระเงินงวดสุดท้าย ผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ 4. การคำนวณยอดหนี้ที่จะนำมาปรับโครงสร้างหนี้ – กองทุนฯ จะนำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณใหม่ตามที่กฎหมายกำหนด – ในกรณีคำนวณยอดหนี้ใหม่แล้วไม่มียอดหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงเหลือ กองทุนฯจะปรับโครงสร้างหนี้ให้ผู้กู้ยืมและให้ส่วนลดเบี้ยปรับ 100% โดยถือว่าผู้กู้ยืมได้ชำระหนี้ปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว – สำหรับผู้กู้ยืมที่มียอดหนี้คงเหลือและอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ กองทุนฯจะนำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมเงินแต่ละรายนับแต่วันครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณตัดชำระหนี้ใหม่ จากเดิมตัดเบี้ยปรับ ดอกเบี้ย และเงินต้น แต่เมื่อปรับโครงสร้างหนี้ใหม่จะตัดเงินต้น (เฉพาะส่วนที่ครบกำหนด) ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ […]

กยศ.เปิดลงทะเบียนนัดทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) พร้อมเริ่มทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ โดยให้เวลาผ่อนชำระสูงสุด 15 ปี ในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี ให้ส่วนลดเบี้ยปรับ 100% ปลดภาระผู้ค้ำประกันหลังจากทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ปรับเปลี่ยนลำดับการตัดชำระใหม่จากเดิม เบี้ยปรับ ดอกเบี้ย เงินต้น เป็นตัดเงินต้นส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ โดยเปิดให้ผู้กู้ยืมเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับกองทุนได้ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป ผู้กู้สามารถลงทะเบียนนัดหมายวันเข้าทำสัญญาล่วงหน้าทางเว็บไซต์ www.studentloan.or.th ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรก กองทุนจะเปิดให้เข้ามาทำสัญญาทุกวันไม่เว้นวันหยุด เวลา 09.00 – 20.00 น. และจะเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ได้ทำสัญญาตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศต่อไป นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เปิดเผยว่า “ขณะนี้กองทุนฯ ได้เตรียมดำเนินการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนให้เป็นไปตามประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยผู้กู้ยืมที่มีสิทธิ์เข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ได้แก่ […]

รัฐบาล ยืนยัน ‘กยศ.’ ให้น.ร.-น.ศ.ขาดแคลนมีสิทธิกู้ยืมทุกราย ไม่ได้ระงับอย่างที่เป็นข่าว

22 มกราคม นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลว่ากองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ระงับการให้กู้ยืมของนักศึกษา และแจ้งว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการให้กู้ยืม ว่า ขอย้ำว่าข้อมูลดังกล่าว ไม่เป็นความจริง กยศ.ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ขณะนี้ได้อนุมัติเงินกู้ให้แก่นักศึกษาครบถ้วนแล้ว โดยนักศึกษาที่ยื่นกู้ในระบบและแนบเอกสารถูกต้องตามสิทธิของผู้กู้ได้รับอนุมัติครบถ้วนแล้วทุกราย ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และให้ความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร กยศ.ได้ที่เว็บไซต์ https://www.studentloan.or.th/home หรือโทร 0-2016-2600 “รัฐบาล โดย กยศ.ยืนยันว่า กองทุนฯ เป็นหน่วยงานที่ให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลน โดยผู้ที่มีคุณสมบัติครบตามที่กองทุนฯ กำหนดจะได้รับสิทธิในการกู้ยืมทุกราย หากนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการเรียนจะได้รับโอกาสในการเรียนอย่างแน่นอน เพราะความยากจนจะไม่ใช่อุปสรรคของการเข้าถึงการศึกษาอีกต่อไป โดยขณะนี้ไม่มีผู้กู้ค้างรออนุมัติในระบบแล้ว” นายคารมกล่าว   ข่าวจาก : มติชน

หนี้เสีย กยศ.พุ่ง 1 แสนล้าน คาดกฎหมายใหม่หนุนลูกหนี้มีวินัย

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ รัฐบาลได้แก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้ปีตั้งแต่ 2566 โดยปรับวิธีการคำนวณหนี้ใหม่ จากเดิมในกรณีที่ลูกหนี้มีการผิดนัดชำระหนี้ต่อกองทุน และภายหลังมีการทยอยชำระเข้ามา เงินที่ชำระเข้ามา จะต้องนำไปตัดค่าปรับการผิดนัดชำระหนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ต่อมาก็นำมาตัดดอกเบี้ยที่ค้างชำระ สุดท้ายจึงมาตัดเงินต้น ทำให้ลูกหนี้ที่เป็นหนี้ค้างชำระ เมื่อนำเงินเข้ามาชำระหนี้ เงินต้นจะลดลงน้อยมาก แต่กฎหมายใหม่ เมื่อมีการชำระเข้ามา เงินนั้นจะไปตัดที่เงินต้นก่อน แล้วจึงค่อยมาตัดภาระดอกเบี้ยค้าง และสุดท้ายมาตัดที่ค่าปรับ นายชัยณรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา โดยตามกฎหมายเดิม กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1 % ต่อปี แต่กฎหมายใหม่ กำหนดให้ ไม่เกิน 1 % ต่อปี หมายความว่าจะกำหนดให้ต่ำกว่า 1 % ก็ได้ ส่วนค่าปรับกรณีผิดนัดชำระหนี้นั้น กฎหมายเดิม กำหนดให้คิดค่าปรับ 7.5 % แต่กฎหมายใหม่ คิดเพียง 0.5 % เท่านั้น […]

1 2 11
error: