“แคะขี้มูก” พฤติกรรมเสี่ยง!! ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

Advertisement Advertisement หลายๆท่านคงจะเคยทำพฤติกรรมนี้กันทุกคนน่ะครับนั่นก็คือการแคะจมูกหรือแคะขี้มูก ก็มันคันจมูกแน่นจมูกหนิครับ! เลยแคะให้มันโล่งๆ แต่ความจริงแล้วพฤติกรรมแคะขี้มูกนั้นเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยที่เราอาจจะไม่ทราบมาก่อน จริงๆแล้วขี้มูกคือสิ่งที่ร่างกายขับถ่ายออกมา  ขี้มูกก็คือเยื่อเมือกเก่าในจมูกของเราที่แห้งแล้ว ในขี้มูกนอกจากจะมีส่วนผสมของเยื่อเมือกแล้ว ยังมีจุลินทรีย์และฝุ่นละอองปนอยู่ด้วย นั่นแหละครับเป็นสาเหตุทำให้ขี้มูกมีสีขุ่นเข้ม  การแคะขี้มูกนั้นได้เคยมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยนะครับ แล้วยังพบว่ายิ่งแคะขี้มูกมากจะยิ่งเกิดโรคง่ายขึ้น โพรงจมูกบนใบหน้าของมนุษย์ถือว่าอยู่ในพื้นที่ "สามเหลี่ยมอันตราย"นิ้วของเราที่สกปรกแล้วนำไปแคะจมูกนั้นจะทำให้แบคทีเรียนเข้าไปในโพรงจมูกและผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าสู่กะโหลกศีรษะของเราได้ ทำให้เกิดอาการติดเชื้อในสมองได้  Advertisement นักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปท่านหนึ่งได้ยืนยันว่าคนที่ชอบแคะจมูกตัวเองนั้น มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อ Staphylococcus aureus แล้วถ้ามือของคุณไปสัมผัสกับเชื้อหวัดที่ติดอยู่ตามที่สาธารณะต่างๆเช่น รถเมล์ ราวสะพานก็จะทำให้ติดเชื้อหวัดอย่างง่ายดาย พฤติกรรมนี้ไม่เพียงจะนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายแล้ว ยังเป็นการทำลายขนจมูกที่ป้องกันฝุ่นละอองต่างๆเข้าสู่ร่างกาย เมื่อแคะขี้มูกบ่อยๆ ขนจมูกของเราก็จะหลุดและป้องกันฝุ่นละอองได้น้อยลง เห็นมั้ยครับว่าแค่พฤติกรรมประจำวันที่เราทำบ่อยๆนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่เกินคาดคิดได้ แต่ถ้าหากต้องการจะแคะขี้มูกจริงๆ วิธีที่ถูกต้องเมื่อคุณต้องการที่จะแคะขี้มูก ให้ใช้สำลีชุบน้ำเกลือมาชำระล้าง แค่นี้ก็จะไม่ทำลายเยื่อจมูก และเป็นการชำระล้างจมูกที่ถูกต้องครับ   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก tsood.com ภาพจาก Google.com [ads=center]

ขโมยไปทั้งคอนเทนเนอร์!! รถคาราวานสินค้าฮิตาชิ ถูกขโมยขับหนีไป ใครพบเห็นโปรดแชร์-ติดต่อกลับด่วน!!!

ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ทำให้มิจฉาชีพมีเพิ่มมากขึ้น เราอาจจะเห็นมาบ้างว่าเป็นการโจรกรรมของเล็กๆ น้อยๆ แม้กระทั่งของกินของใช้ในครัวเรือนเพื่อไปประทั่งชีวิตช่วงที่ตนเองตกงานก็มีให้เห็นเป็นข่าวบ่อยๆ แต่ในกรณีของคุณยะหยา เจ้าของเฟซบุ๊กYaYha Massayha โจรเดี๋ยวนี้พัฒนาไปไกลแล้วถึงกับ "เอาไปทั้งตู้คอนเทนเนอร์" โดยเหตุโจรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยคุณยะหยาเล่าในเฟซบุ๊กของเธอเองว่า ช่วยแชร์กันนะคะ ยังไม่พบเลยค่ะ เป็นรถคาราวานฮิตาชิ ของบริษัทยะหยาเองค่ะ เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืด ของวันที่ 28 พ.ค. 59 เวลาประมาณ 2:00 น. รถบรรทุกหกล้อ ISUZU หมายเลขทะเบียน 99-6761 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดทิ้งไว้บริเวณหน้าร้านค้า ถูกโจรกรรมไป จากหน้าร้านสาครวิทยุ ต.มหาชัย จ.สมุทรสาคร จุดสังเกตุเป็นรถหกล้อใหญ่ ติดสติกเกอร์โฆษณาฮิตาชิรอบคัน ภายในรถมีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัทฮิตาชิ มูลค่าหลายแสนบาท ดังรูป เป็นรถคาราวานของบริษัทฮิตาชิ ซึ่งจะจัดกิจกรรมคาราวานตามดีลเลอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าไปตามต่างจังหวัดทั่วประเทศ ***รูปพรรณคนร้ายอยู่ในคอมเม้นท์นะคะ คนร้ายมากัน 3 คน โดยรถกระบะสีบรอนเงิน ส่งคนเสื้อส้มมาดูลาดเลา และหลังจากนั้นคนเสื้อดำตัวค่อนข้างสูง ลงมือขโมยรถโดยใช้เวลาเพียงแค่ 15 วินาทีแล้วขับรถออกไป ‪#‎ใครพบเห็นแจ้งเบาะแสทางทีมงานด่วนเลยนะคะ‬  เบอร์ทีมงาน […]

4 วิธีช่วยแอร์เย็นจุใจ แต่ค่าไฟสบายกระเป๋า

การทำงานของเครื่องปรับอากาศสามารถทำให้ค่าไฟฟ้าของเราพุ่งกระฉูดได้ แต่โชคดีที่เรามีวิธีที่สามารถช่วยให้เครื่องปรับอากาศของคุณทำงานได้ดีขึ้น แถมยังช่วยให้คุณประหยัดเงินได้อีกด้วย ว่าแล้วก็ตาม MoneyGuru.co.th มาดูกันเลยค่ะ ภาพประกอบจาก www.ashraeregion12.org อุดรูรั่วรอบ ๆ ขอบหน้าต่างและประตู หากบ้านของคุณไม่ได้เป็นบ้านสมัยใหม่ที่สามารถคงความเย็นไว้ภายในได้ มันอาจทำให้แอร์ไหลออกไปสู่ภายนอกได้ ด้วยการไหลออกผ่านช่องประตู, หน้าต่าง หรือห้องใต้หลังคา รวมถึงรอยแยกต่างๆ ภายในกำแพง นอกจากนี้ หากคุณจะดูว่าบ้านของคุณมีการคงความเย็นไว้หรือไม่ คุณอาจให้ผู้ให้บริการสาธารณูปโภคของคุณหรือผู้รับเหมาท้องถิ่นมาประเมินได้ ผู้ตรวจสอบเหล่านี้จะตรวจสอบบ้านของคุณว่ามีการรั่วไหลของแอร์ออกไปสู่ภายนอกหรือไม่ พร้อมทั้งจะแนะนำวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้แอร์ในบ้านของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ต้องการที่จะให้ผู้บริการสาธารณูปโภคมาตรวจสอบล่ะก็ คุณก็สามารถตรวจสอบการรั่วไหลของแอร์ด้วยตัวเองได้นะคะ โดยคุณสามารถยืนอยู่นอกบ้านของคุณ และใช้มืออังตรงหน้าต่างและประตู ถ้าคุณรู้สึกถึงอากาศเย็น ๆ แล้วล่ะก็ ก็ให้คุณทำการอุดรูรั่วรอบ ๆ ขอบหน้าต่างและประตูเสียค่ะ ตรวจสอบให้แน่ใจว่า thermostat อยู่บนผนังด้านขวา ตำแหน่งของ Thermostat หรืออุปกรณ์สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ให้ได้อุณหภูมิตามที่เราต้องการ ควรติดไว้บนผนังด้านขวา สูงจากพื้นห้องประมาณ 1.5 เมตร และห่างจากผนังด้านนอกอาคารไม่น้อยกว่า 48 เซนติเมตร รวมทั้งไม่อยู่ใกล้กับแหล่งกำเนิดความร้อน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, ท่อน้ำ, หน้าต่าง ฯลฯ นอกจากนั้นแล้วไม่ควรอยู่ในบริเวณที่อาจเกิดกระแสลมหมุนเวียนได้ง่าย เช่น […]

สูตรโรตีมะตะบะ!! ทำกินเองง่ายๆได้ที่บ้าน

โรตี เป็นขนมชนิดหนึ่งที่ส่วนใหญ่เราจะคุ้นเคยกับ "อาบัง" ชาวอินเดีย บังกลาเทศหรือศรีลังกา เดินเข็นรถเข็นไปตามที่ต่างๆหรือจอดไว้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ให้พวกเราได้ซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านในตอนเย็น แต่ส่วนใหญ่เรามักกังวลในเรื่องความสะอาดของการทำ วันนี้เราจะขอนำเสนอสูตรโรตีชนิดหนึ่งที่มีไส้อยู่ข้างใน คนไทยเราเรียกว่า "โรตีมะตะบะ" วิธีการทำเป็นอย่างไร ยากง่ายขนาดไหนนั้น เรามาดูกันเลยครับ ส่วนผสมของตัวแป้ง แป้งสาลี      500 กรัม ไข่ไก่             2 ฟอง น้ำ             1/2 ถ้วย เนยสด         50 กรัม เกลือ             1 ช้อนชา น้ำตาล           2 ช้อนชา ส่วนผสมของไส้มะตะบะ ไก่บด                   500 กรัม  มันฝรั่ง(หั่นเป็นลูกเต๋าเล็ก) 2 ลูก หอมใหญ่               2 ลูก ก้อนปรุงแกงกะหรี่ญี่ปุ่น       1 ก้อน (มีขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป) […]

เมื่ออกหักหรือเสียใจ!!ร้องไห้แล้วตาบวม มีวิธีแก้ง่ายๆ

การร้องไห้เป็นอาการที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเคยเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างแน่นอน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มนุษย์จะเสียน้ำตาจากการร้องไห้ การร้องไห้ก็มีผลดีหลายอย่างคือ ช่วยให้ระบายความเครียดในใจออกไปได้ในระดับหนึ่งและเป็นกลไกในการล้างและทำความดวงตามตามธรรมชาติ แต่การร้องให้มากๆหรือร้องไห้อย่างหนักนั้นไม่เป็นผลดีแน่นอน อาการอย่างหนึ่งหลังจากที่ร้องไห้อย่างหนักก็คือ "อาการตาบวม" ครับ วันนี้เรามีวิธีง่ายๆในการแก้อาการนี้มาแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านได้ลองนำไปใช้ครับ วิธีแก้ตาบวมจากการร้องไห้แบบง่ายๆ 1. ช้อน ใช้ช้อนทานอาหารที่บ้านเรานี่แหละครับ นำไปแช่ช่องแช่แข็งจนเย็นจัด จากนั้นนำช้อนมาประคบบริเวณดวงตา จะช่วยให้อาการตาบวมยุบลงได้ภายในเวลาอันรวดเร็วเลยทีเดียว 2. ไข่ต้ม นำไข่ไก่หรือไข่เป็ดไปต้มกับน้ำเดือด รอจนสุกและปลอกเปลือกออกให้หมด แล้วนำไข่ร้อนๆมาคลึงให้ทั่วบริเวณรอบดวงตา จะช่วยให้อาการบวมลดลงได้มาก 3. นมสด ใช้นมสดที่มีความเย็นจัดจากการแช่ตู้เย็น จากนั้นนำสำลีไปชุบนมแล้วนำมาประคบบริเวณรอบดวงตาทิ้งไว้ จะช่วยให้ดวงตากลับคืนสภาพได้โดยเร็ว 4. เมคอัพ การแต่งหน้าช่วยได้ แต่ต้องใช้คอนซีลเลอร์หรืออายครีมทาบริเวณรอบดวงตาก่อนแต่งหน้า จะช่วยอำพรางอาการตาบวมได้อย่างเรียบเนียนที่สุด   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov  ข้อมูลจาก เกร็ดความรู้.net ขอบคุณภาพจาก Google.com [ads=center]  

เจอแล้วหลักฐานชัดเจน!! วินาทีสะเทือนใจคนไทย ถ้าจะยื่นเรื่องช่วยกันแชร์ภาพนี้ด่วน!!!

ภาพนี้เห็นชัดเจนว่าญี่ปุ่นฟาวล์จริงๆ และกรรมการก็จ้องอยู่ชัดเจน แต่ไม่ให้ฟาวล์ พอจะขอชาเลนจ์กลับไม่ให้ แต่ดันได้ใบแดงมาแทน ซึ่งทำให้แทนที่เราจะขึ้นนำ13-7 แต่ดันเป็น12-9 ซึ่งต่างกันมากๆ นะ เท่ากับว่าเซตนี้เราเสียผลประโยชน์4แต้ม ไม่ใช่2แต้ม นี่ยังไม่นับรวมที่เราไม่ได้เปลี่ยนตัวอีกหลายครั้ง (ไม่ใช่แค่เซต5 แต่มีหลายช่วง เช่น ปลายเซต4เราเกือบจะชนะ3-1จู่ๆ ก็เปลี่ยนตัวไม่ได้)       ที่มาจาก : http://m.pantip.com/topic/35173972  

แจกสูตร!! 10วิธีลดกลิ่น”ตด” เป็นมิตรต่อจมูกของเราและคนรอบข้าง

ปูด…ปาด..เสียงผายลมที่อยู่กับมนุษย์มาตั้งแต่เกิดจนตาย อันเป็นเสียงที่คุ้นชิน แต่สิ่งที่ไม่พึงประสงค์นั้นก็คือ"กลิ่น"อันรัญจวนของมันนั่นเอง วันนี้เราจะมาแจกสูตรลดกลิ่น"ผายลม"หรือ"ตด"ให้ท่านผู้อ่านได้ลองเอาไปปฎิบัติตามดูครับ 10 วิธีการลดกลิ่นเหม็นของการผายลม          1. รับประทานสิ่งเหล่านี้ให้น้อยนั่นก็คือ ไข่ เนื้อ ผักตระกูลกะหล่ำเช่น บร็อกโคลี่ กะหล่ำปลี เนื่องจากผักเหล่านี้มีกำมะถัน แบคทีเรียในลำไส้จะย่อยให้เป็นแก๊สที่มีกลิ่นเหม็น ถั่ว มีน้ำตาลที่ร่างกายย่อยไม่ได้ ทำให้หมักหมมอยู่ในลำไส้ใหญ่ แบคทีเรียในลำไส้จะย่อยน้ำตาลพวกนี้แทนทำให้เกิดแก๊สและกลิ่น          2. ถ้ามีความจำเป็นจะต้องรับประทานอาหารจำพวกถั่ว ควรแช่น้ำไว้อย่างน้อย 12 ชั่วโมง จึงนำมาประกอบอาหาร หรือนำไปแช่ในน้ำร้อน 10-15 นาทีขึ้นไปแล้วจึงนำไปปรุงอาหาร จะช่วยลดปัญหากลิ่นเหม็นจากการผายลมจากการกินถั่วได้            3. ลดละอาหารที่มีไขมันสูงเพราะอาหารประเภทไขมันใช้เวลาย่อยนาน จึงทำให้ไอ้เจ้าแบคทีเรียมีเวลาในการสร้างตัวในลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องอืด และผายลมได้แถมมีกลิ่นอีกด้วย          4. ลดแอลกอฮอล์หรืออาหารที่มีแก๊สเช่น น้ำอัดลม เบียร์ โซดา เพราะจะไปเพิ่มปริมาณลมและแก๊ส ทำให้เรอและผายลมมากขึ้น          5. ขิง […]

ความเชื่อหรือเรื่องจริง!!? ข้อห้ามช่วงตอนมีประจำเดือนของสาวๆ

  ในสังคมไทยในปัจจุบันยังคงเก็บรักษาคำว่า"ความเชื่อ"ไว้อยู่มากเลยครับ โดยที่บางคนก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีการศึกษาข้อเท็จจริงใดๆ ในเรื่องหนึ่งที่เป็นที่ข้อสงสัยของสาวๆนั่นก็คือข้อห้ามช่วงตอนมีประจำเดือนของสาวๆ ซึ่งมีหลายต่อหลายข้อมาก วันนี้เราจะมาคลายข้อสงสัยและความเชื่อเหล่านี้กันครับว่ามันจริงหรือไม่จริงกันแน่นะ!!    1. เขาว่ากันว่า…ห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงที่มีประจำเดือน!!?  อันที่จริงแล้ว..เมื่อเวลาที่มีประจำเดือนนั้น ฮอร์โมนในร่างกายจะมีการแปรปรวนภูมิคุ้มกันลดลง การอาบน้ำเย็นจะทำให้ร่างกายต้องปรับอุณหภูมิตาม อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ น้ำเย็นในที่นี่คือไม่ใช่น้ำที่ใส่น้ำแข็งนะครับ!! ถ้าเป็นแบบนั้นจะเป็นเมนส์หรือไม่ก็ไม่ควรจะอาบจ่ะ! ผู้หญิงที่เป็นประจำเดือนสามารถอาบน้ำเย็นในอุณหภูมิปกติได้ครับ     2.เขาว่ากันว่า…ห้ามรับประทานน้ำแข็ง หรือของเย็นในช่วงที่มีประจำเดือน อันที่จริงแล้ว..ผู้หญิงที่เป็นประจำเดือนาสามารถรับประทานน้ำแข็ง หรือของเย็นได้ตามปกติ โดยที่มีปริมาณที่ไม่มากจนเกินไปครับ   3.เขาว่ากันว่า… ห้ามออกกำลังกายเวลามีประจำเดือน อันที่จริงแล้ว..มันเป็นความเชื่อที่ผิดมาก!! เพราะความจริงแล้วการออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมา สารนี้จะทำให้เราเกิดความสุข ช่วยผ่อนคลายความเครียด และช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ดังนั้นการออกกำลังกายจึงเป็นวิธีป้องกันอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นในระหว่างมีประจำเดือนได้   4.เขาว่ากันว่า…ห้ามมีเพศสัมพันธ์ขณะที่มีประจำเดือน อันที่จริงแล้ว…ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตอนช่วงที่สาวๆมีประจำเดือนนั้นจะสามารถทำให้ช่องคลอดเกิดการติดเชื้อได้ง่าย เกิดการเลอะเทอะสกปรก ทางที่ดีควรรอให้ประจำเดือนหมดไปก่อนจะดีกว่าครับ   5.เขาว่ากันว่า…ห้ามลงเล่นน้ำขณะที่มีประจำเดือน อันที่จริงแล้ว ลงเล่นน้ำได้ครับแต่ต้องระมัดระวังเรื่องความสะอาด เพราะในน้ำนั้นอาจจะมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนอยู่ ทำให้เชื้อโรคเข้าไปในช่องคลอดแล้วเกิดการอักเสบได้ ดังนั้น ถ้าใครที่อยากจะลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำก็คงจะต้องเลือกสระว่ายน้ำที่สะอาด เลือกช่วงเวลาที่ไม่มีคนใช้บริการ มากนัก และควรใช้ผ้าอนามัยแบบสอดก่อนที่จะลงว่ายน้ำ   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข่อมูลจาก wangnamyen.net ภาพจาก Google.com [ads=center]

แพทย์เตือน!! อย่าให้นมทารกแทนกัน เสี่ยงติดเชื้อ!!

  จากข่าวเมื่อปีที่แล้วที่พยาบาลท่านหนึ่งสวมวิญญาณความเป็นแม่ ให้นมทารกน้อยวัย4เดือนแทนแม่ของเด็ก เนื่องจากแม่ของเด็กนั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่สามารถให้นมได้ หลังจากที่ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ก็ทำให้นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิกได้ออกมาเตือนผู้ที่ให้นมแทนแม่ของเด็กว่าการให้นมแทนกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเนื่องจาก… ในน้ำนมคนเรานั้นมีเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อได้ เช่น เอดส์ ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี,ซี ไวรัสซีเอ็มวี ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคลูคีเมียหรือโรคภูมิต้านทานทำงานผิดปกติ (HTVL1,HTVL2) จึงไม่สามารถนำมาให้เด็กคนอื่นกินโดยไม่ได้ผ่านการตรวจหาเชื้อเหล่านี้ก่อน ซึ่งจะทำได้ในรพ.ที่มีธนาคารนมแม่ การรับนมแม่บริจาคกันเองจึงมีความเสี่ยงที่ลูกจะได้รับเชื้อเหล่านี้ การให้ทารกได้รับนมจากอกแม่นั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะน้ำนมของแม่นั้นมีประโยชน์ต่อทารกแต่ใช่ว่าทุกคนจะให้นมแทนกันได้ ท่านผู้อ่านท่านไหนทราบแล้วก็ไม่ควรที่จะนำน้ำนมของคุณแม่ท่านอื่นมาให้ลูกของเราเด็ดขาดนะครับ เพื่อเป็นการลดความเสียงที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกของเรา   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก http://th.theasianparent.com/ ขอบคุณภาพจาก Google.com [ads=center]

“อาการดวงตาเมื่อยล้า” บรรเทาและป้องกันได้ด้วยวิธีนี้!!

ในปัจจุบันนี้คนเรามีการใช้สายตามากขึ้นจากการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานหรือการจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือ รูดหน้าจอขึ้น-ลงเพื่อเล่นโซเชียลกับเพื่อนๆเป็นเวลานาน ส่งผลทำให้สายตาเสีย ทำให้ค่าสายตาสั้นเร็วกว่าปกติและเกิดอาการเมื่อยล้าของดวงตา วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีป้องกันและการบรรเทาอาการเมื่อยล้าของดวงตากันครับ โดยมีวิธีง่ายๆดังต่อไปนี้  การป้องกันและบรรเทาอาการที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองคือ หยุดพักสายตา จากการทำงานด้วยจอคอมพิวเตอร์ดังนี้ -ทุก 15-30 นาที ให้หลับตาและมองออกไปไกลๆประมาณ 2-3นาทีเพื่อเป็นการผ่อนคลายสายตา  -ในทุกๆ 1 ชั่วโมงควรที่จะหยุดทำงานแล้งลุกขึ้นยืนเดินไปผ่อนคลายประมาณ 2-3 นาทีแล้วจึงกลับมาทำงานใหม่ -ในทุก 3-4 ชั่วโมงควรหยุดพักทำงาน 15-20 นาที โดยหลับตาลงเพื่อที่จะไม่ใช้สายตา -กระพริบตาให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มน้ำตา ทำให้ตาชุ่มชื่น การนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา  -การนวดตา วางข้อศอกลงบนโต๊ะ หงายฝ่ามือขึ้น โน้มตัวทิ้งน้ำหนักไปด้านหน้า วางศรีษะลงที่ฝ่ามือ ให้เบ้าตาวางอยู่บริเวณด้านล่างฝ่ามือ นิ้วมือวางอยู่บนหน้าผาก (ระวังอย่าให้มีแรงกดลงไปที่ตัวลูกตา ) หลับตา สูดหายใจเข้าลึกๆช้าๆทางจมูก กลั้นใจไว้ประมาณ 4 วินาที ผ่อนหายใจออก ช้าๆสูดหายใจใหม่ ทำสลับกันแบบนี้ต่อเนื่องประมาณ 15-30 นาที -การประคบ โดยการใช้ผ้าร้อน(ไม่ควรที่จะร้อนจนเกินไป)และผ้าเย็น สลับกันทุกๆ30วินาทีโดยทำต่อเนื่องประมาณ 2 นาทีแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดและนวดเบ้าตาเบาๆ  ดวงตาเป็นสิ่งที่สำคัญของร่างกายฉะนั้นควรที่จะรักษาสุขภาพดวงตาไว้และไม่ควรใช้ดวงตาอย่างหักโหมครับ เมื่อมีอาการเกิดขึ้นก็อย่าลืมใช้วิธีการข้างต้นในการบรรเทาอาการ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดอาการดังกล่าวครับ ขอให้มีสุขภาพดวงตาที่ดีกันทุกท่านนะครับ   เรียบเรียงโดย […]

1 2,873 2,874 2,875 2,882
error: