ก.ค.ศ.ปรับเกณฑ์ใช้วุฒิเพิ่มเงินเดือนต้องจบตรงสาขา





บอร์ด ก.ค.ศ.ปรับหลักเกณฑ์ขอใช้วุฒิการศึกษาระปริญญาโท-เอก เพิ่มเงินเดือนต้องจบตรงสาขา หลังพบครูส่วนใหญ่แห่เรียนสายบริหารการศึกษา ทำให้คุณภาพการสอนไร้ประสิทธิภาพ

28 พ.ย.) ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนในกรณีที่ได้รับคุณวุฒิเพิ่มขึ้น หรือสูงขึ้นตามคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ.รับรอง  โดยการปรับปรุงหลักเกณฑ์ใหม่ของคุณวุฒิที่ได้รับเพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้นต้องเป็นคุณวุฒิในสาขาวิชาเดียวกันกับคุณวุฒิระดับปริญญาตรี และหรือระดับปริญญาโทที่ใช้ในการบรรจุและแต่งตั้ง หรือเป็นคุณวุฒิที่ตรงกับสาขาวิชา หรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ผู้นั้นได้ทำการสอนหรือเคยทำการสอน หรือเป็นคุณวุฒิที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนหรือส่งเสริมการเรียนรู้ตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดกำหนดโดยความเห็นชอบของ ก.ค.ศ.

“จากสภาพปัญหาที่ผ่านมาเราพบครูผู้สอนจำนวนมากเรียนต่อระดับปริญญาโทสาขาบริหารการศึกษาหรือสาขาอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการเรียนที่ตัวเองสอนอยู่ ซึ่งหากยังใช้หลักเกณฑ์เดิมจะเป็นช่องทางให้ครูนำวุฒิไปใช้โยชน์เยอะไม่ว่าจะเป็นการนำวุฒิไปสอบผู้บริหาร  เพิ่มเงินเดือน เพิ่มวิทยฐานะ จึงถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน  ดังนั้นหลักเกณฑ์ใหม่นี้จะต้องเป็นสาขาเดียวกับปริญญาตรีตอนบรรจุรับราชการ เช่น จบสาขาภาษาอังกฤษระดับปริญญาตรี และต้องการนำวุฒิมาเพิ่มเงินเดือนต้องจบปริญญาโทสาขาภาษาอังกฤษเช่นเดียวกัน ไม่ใช่จบปริญญาโทสาขาบริหารการศึกษาและจะนำวุฒิมาขอเพิ่มเงินเดือนได้   โดยหากพบว่าผู้ที่ได้ปรับอัตราเงินเดือนตามคุณวุฒิที่เพิ่มขึ้นไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์นี้ ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งเพิกถอนคำสั่งนั้น และให้ผู้นั้นส่งเงินที่ได้รับคืนตามระเบียบทางราชการ หากคุณวุฒินั้น ก.ค.ศ.ยังไม่รับรองว่าเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งให้แก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับคุณวุฒินั้นออกจากทะเบียนประวัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยจะเรียกร้องสิทธิใดๆไม่ได้”  ปลัด ศธ.กล่าว
              
ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าวต่อไปว่า  สำหรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ทันที ยกเว้นผู้ที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานต้นสังกัดให้ลาเรียนต่ออย่างถูกต้องให้ถือว่า มีสิทธิตามหลักเกณฑ์เดิม ส่วนผู้ที่เรียน โดยไม่ได้ขออนุญาตจากต้นสังกัด จะไม่ได้รับการยกเว้น  ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบปรับปรุงมาตรฐานวิทยฐานะ ด้านคุณสมบัติเฉพาะสำหรับวิทยฐานะครูชำนาญการ และคุณสมบัติในการขอมีวิทยฐานะครูชำนาญการ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว17/2552 และ ว10/2554   โดยกำหนดคุณสมบัติในการขอมีวิทยฐานะครูชำนาญการ  ตามหลักเกณฑ์ ว17/2552และ และ ว10/2554   ต้องเป็นวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรอง และเป็นวุฒิในสาขาวิชาเดียวกับวุฒิระดับปริญญาตรีและหรือปริญญาโทที่สำเร็จการศึกษามาแล้ว หรือเป็นวุฒิที่ตรงกับสาขาวิชา/กลุ่มสาระ การเรียนรู้ที่ผู้ขอได้ทำการสอน หรือส่งเสริมการเรียนรู้ตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดกำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.ค.ศ. ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับ เช่นเดียวกับหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือน ในกรณีที่ได้รับคุณวุฒิเพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้น  รวมถึงยังเห็นชอบให้มีการปรับหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสพฐ. ในประเด็นหลักเกณฑ์การย้ายกรณีปกติ ในส่วนของคุณสมบัติ ของผู้ยื่นคำร้องขอย้าย กล่าวคือ ต้องดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและได้ปฏิบัติงานในตำแหน่งดังกล่าว ในสถานศึกษาปัจจุบันติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 24 เดือน นับถึงวันที่ 30 กันยายน ของปีที่ยื่นคำร้องขอย้าย เพื่อให้มีระยะเวลาในการพัฒนาสถานศึกษาให้เห็นผลเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่อยู่ในระหว่างลาศึกษาต่อเต็มเวลา กรณีการย้ายสับเปลี่ยน ต้องเป็นผู้ที่มีอายุราชการเหลือไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน นับถึงวันที่ 30 กันยายน ของปีที่ครบเกษียณอายุราชการ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป


ข่าวจาก : dailynews.co.th
ภาพจาก : ภาพยนตร์ครูบ้านนอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: