เพราะ “โรคมะเร็งปากมดลูก” นับเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆสำหรับหญิงไทย และเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยมากถึงปีละประมาณ 5,000 ราย และทุกๆปีก็จะมีผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้นปีละกว่า 10,000 ราย
การป้องกันโรคนี้จึงจำเป็นเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกอย่างแพร่หลายเพื่อหวังจะช่วยลดความสูญเสียชีวิต รวมไปถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่มีการตรวจอย่างแพร่หลายในปัจจุบันด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีหญิงไทยจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการฉีดวัคซีนตัวนี้ได้ เพราะราคาที่ค่อนข้างแพง หรือกว่าที่จะได้รับวัคซีนก็อายุมากเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพของการป้องกันโรคลดน้อยลง
ดังนั้น คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ จึงมีมติเห็นชอบและให้บรรจุวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก(วัคซีนเอชพีวี) ในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว ซึ่งทำให้วัคซีนเอชพีวีเป็นวัคซีนตัวที่ 11 ในรอบ 17 ปี ที่จะให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ซึ่งตอนนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและสามารถให้บริการฉีดวัคซีนเอชพีวีได้ ภายในปี 2560 นี้ และจะมีการนำร่องให้บริการวัคซีนเอชพีวีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
[ads]
กลุ่มเป้าหมาย คือใคร?
เด็กหญิง ที่กำลังเรียนอยู่ในชั้น ป.5 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 400,000 คนทั่วประเทศ
เนื่องจาก วัยนี้เป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดในการได้รับวัคซีนและสอดคล้องตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยจะฉีดทั้งหมด 2 เข็ม ระยะเวลาห่างกัน 6 เดือน
นอกจากวัคซีนเอชพีวีจะเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิผลในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกได้แล้ว ยังนับเป็นวัคซีนที่มีความคุ้มทุนกับการนำมาใช้และช่วยให้ทุ่นค่าใช้จ่ายลงได้
นอกจากนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ยังได้เตรียมที่จะขยายสิทธิประโยชน์ด้านวัคซีนสำหรับเด็กเพิ่มเติม โดยได้จัดทำคำของบประมาณปี 2560 เพื่อรองรับการให้บริการวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีนเอชพีวี ในสิทธิตามระบบหลักประกันสุขภาพเรียบร้อยแล้ว
เชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยให้โรคมะเร็งปากมดลูกลดลงหรือหายไปจากสังคมไทยได้
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://health.sanook.com/4749/
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ