อุทาหรณ์สาวๆ อย่าเห็นแก่คัทชูราคาถูก มิฉะนั้นอาจเสียเงินรักษาแผลเหวอะ (มีภาพสยองด้านใน)





รองเท้าคัทชูเป็นรองเท้าที่ผู้หญิงบางคนอาจจะคิดว่าซื้อราคาถูกๆ เหมือนชุดนักศึกษาก็ได้ เพราะใช้ไม่กี่ครั้งเอง อย่างน้อยก็แค่ในวันรับปริญญา แต่หารู้ไม่ว่าเพียงแค่ช่วงเวลาเดียว ไหนจะวันซ้อม ไหนจะวันรับจริง การเดินด้วยรองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน หลายชั่วโมง หลายวันก็ปวดเท้าได้ ถ้าโชคดีได้รองเท้าที่ดี ไม่กัดเท้าก็แล้วไป แต่ถ้าโชคร้าย อาจโดนรองเท้ากัดจนเป็นแผลเหวอะหวะเหมือนดังอุทาหรณ์ต่อไปนี้ได้

ชาวพันทิปล็อกอิน solarbeam เธอคือสาวคนหนึ่งที่ชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้คลุกคลีกับรองเท้าคัทชูแต่อย่างใดเลย เพิ่งจะได้ใส่รองเท้าคัทชูก็ตอนที่จะรับปริญญา เธอพลาดที่เลือกรองเท้าราคาถูกด้วยความงก จนต้องประสบเหตุนิ้วเท้าทั้งสองข้างถูกรองเท้ากัดลึกเป็นแผลเหวอะเกือบไปรับปริญญาไม่ได้ ฝากเตือนสาวๆ อีกหลายคนเป็นอุทาหรณ์ ลงทุนซื้อของมีราคาสูงกว่านี้สักหน่อย เพื่อสุขภาพเท้าของตนเอง

สวัสดีค่ะ วันนี้บีมจะมาเตือนใจน้องๆว่าที่บัณฑิตหญิงทุกๆ ท่านนะคะ ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่มาตั้งเตือนภัยช้า (รับมาประมาณปีแล้วค่ะแต่เพิ่งมาตั้งกระทู้) เรื่องของเรื่องคือ จะรับปริญญา ก็ต้องใส่ชุดพิธีการ และที่ขาดไม่ได้คือรองเท้าคัทชูถูกไหมคะ ซึ่งโดยปกติไม่ค่อยมีใครได้ใส่รองเท้าคัทชูเรียน รวมถึงบีมด้วยค่ะที่ไม่เคยสัมผัสกับรองเท้าประภทนี้มาก่อนเลย ตอนเรียนเป็นสาววิศวะ ใส่แต่ผ้าใบ ไม่เคยใช่คัทชู ทำให้ไม่มีรองเท้าเพื่อในในพิธีรับปริญญา เลยต้องซื้อรองเท้า และด้วยความคิดที่ว่า "เห้ยยยยย ไหนๆก็ใส่ไม่กี่ครั้ง แค่ซ้อมกับรับจริง เราจะซื้อแพงๆ ดีๆทำไม เปลืองเงิน"

นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ค่ะ บีมเลยไปซื้อรองเท้าคัทชูที่ถูกๆ ที่ "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ victory monument" //ทำเสียงแบบประกาศบน BTS 5555 คือไปก็เจอหลายร้านมากค่ะที่รองเท้าคัทชูราคาถูกๆ มีตั้งแต่ 199 บาทขึ้นไป ด้วยความงกที่ครอบงำ บีมเลือกซื้อคู่ละ 199 บาท กะใส่แล้วทิ้งไม่คิดอะไรมาก และนั่นคือความผิดพลาดของบีมเป็นอย่างมาก ทรงรองเท้าคัทชูเค้าจะเป็นทรงหน้าตัด ทำให้บีบหน้าเท้ามาก ความยาวเท้าบีมใส่รองเท้าประมาณ เบอร์ 37.5  แต่เป็นคนที่หน้าเท้ากว้างมาก เลยซื้อลองเท้าคัทชูเบอร์ 40 มาค่ะ แล้วซื้อกันกัดมาแปะที่หลังเท้า 2ชั่น เพื่อกันเดินแล้วหลุด และที่สำคัญคือบีมซื้อเทปปิดกันกัดที่ซื้อใน 7-11 มี 2 แบบทั้งรูปรองเท้าแดง กับอีกซองที่เนื้อนุ่มๆ สีชมพู อยากบอกว่าติดกันกัดป้องกันหนาแน่นมาก ทั้ง 2 แทบทับกันและปิดซ้ำด้วยพลาสเตอร์แปะแผลที่เป็นผ้าๆ อีกชั้น แต่ไม่รอดจากการรองเท้ากัดเลยค่ะ หลังจากซ้อมทั้งวัน วันรุ่งขึ้น แผลเริ่มพองออกมาอย่างเห็นได้ชัด

t1

พอแผลพองก็ไม่ได้การแล้ว เพราะจะต้องซ้อมใหญ่ในวันต่อมาอีกทำไงคะ ใช่ค่ะ เจาเอาหนองออก แล้วผลที่ได้คือ "แผลอักเสบหนักมาก" จนผ่านไป 3 วัน นิ้วก้อยเท้าทั้งข้างซ้ายและขวา บวมมาก เดินลำบาก เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่เคาท์เตอร์ถามว่ามาทำอะไรคะ พอตอบไปว่า "รองเท้ากัด" เจ้าหน้าที่งงค่ะ ประมาณว่าแค่รองเท้ากัดต้องมาหาหมอเลยหรอ? 5555 และเจ้าหน้าที่ได้เรียกพยาบาลให้มาดูแผล พอพยาบาลเห็นแผลแค่นั้นแหละค่ะ ตลึงกันทุกคน 5555 สภาพแผลจากการติดเชื้อ ระวังภาพหลอนติดตามนะคะ

t2

ข้างซ้ายของแผลแบบซูมๆ

t3

ข้างขวาของแผลแบบซูมๆ เช่นกันค่ะ

t4

เป็นไงคะ สยอง ภาพติดตากันไหมคะ 55555 นี่คือตอนล้างแผลแล้วค่ะ 

t5

จบด้วยสภาพเท้าแบบนี้ค่ะ

t6

[ads]

คือเกือบไม่ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเพราะความงกของตัวเองแท้ๆ เลยค่ะ สุดท้ายนี้ เสียค่ารักษาไป 900กว่าๆ ไม่รวมกับค่าล้างแผลทุกวัน วันละ 200บาทอีกนะคะ ช็อคมากค่ะ เสียเยอะกว่าซื้อรองเท้าดีๆสักคู่ แค่คู่ละ 500-600 บาท อย่างที่โบราณเค้าบอกเลยค่ะ "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" คือเรื่องจริง ลาไปดวยใบบิลค่ารักษา (ไม่รวมค่าล้างแผลอีกวันละ 200บาทที่ต้องไป 1 สัปดาห์อีกนะคะ)

t7

เห็นความสยองแบบนี้แล้วก็ต้องระวังกันไว้ให้ดี เรื่องสุขภาพ อย่าเอาไปเสี่ยงกับราคาถูกเลยนะคะ มันไม่คุ้ม wink


ขอบคุณข้อมูลจาก ล็อกอิน solarbeam เว็บไซต์ http://pantip.com/topic/35623817/
เรียบเรียงใหม่โดย Thaijobsgov

[ads=center]

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: