คุณเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยแค่ไหน?
คำถามนี้บางท่านอาจจะไม่สามารถตอบได้ เพราะนานเกินไปจนจำไม่ได้แล้ว แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การใช้แปรงสีฟันซ้ำๆ นานๆ อาจส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตของคุณก็เป็นได้
เชื่อว่ายังมีอีกหลายๆคนที่ไม่ชอบเปลี่ยนแปรงสีฟัน เพราะชินกับการใช้แปรงสีฟันอันเก่า หรือชอบขนแปรงนุ่มๆที่เกิดจากการใช้มานานแล้ว แต่คุณทราบไว้เถอะค่ะว่า “แปรงสีฟันมีอายุการใช้งานของมัน” และจำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนเมื่อถึงเวลา ไม่เช่นนั้นการแปรงฟันคงไม่ได้ทำให้ฟันสะอาด แต่ทำให้คุณได้รับอันตรายจากมันมากกว่า
การใช้แปรงสีฟันนานๆ จะทำให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคหลายชนิด และเมื่อเรานำมาแปรงฟัน เชื้อโรคเหล่านี้ก็จะสามารถเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ใช้ผ่านบาดแผลที่เหงือกหรือบาดแผลในช่องปากได้อย่างง่ายดาย
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ได้กล่าวว่า
“แปรงสีฟัน คือ แม่เหล็กที่ดึงดูดแบคทีเรียอย่างแท้จริง และดึงดูดได้มากกว่า 10 ล้านตัว รวมถึงเชื้ออีโคไล (สาเหตุให้เกิดโรคอุจจาระร่วง) และเชื้อสแตฟฟิโลค็อกคัส”
ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้หากปล่อยให้ก่อตัวขึ้นและสะสมเป็นเวลานาน อาจพัฒนาไปเป็นเชื้อที่ร้ายแรงขึ้นได้ นอกจากนี้อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ บี หรือซี ในแปรงสีฟันได้ด้วย
ทั้งนี้ แบคทีเรียสามารถหาหนทางเข้าไปสู่แปรงสีฟันของคุณด้วยวิธีที่น่าสนใจ 2 วิธี คือ
1. เวลาที่คุณล้างมือและน้ำสกปรกกระเด็นไปโดน
2. เมื่อแปรงสีฟันของคุณตกพื้น
[ads]
ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ
1. คุณควรซื้อแปรงสีฟันอันใหม่ทุกๆ 3-6 เดือน
แปรงสีฟันที่มีอายุการใช้งานมานานกว่า 3 เดือน จะมีประสิทธิภาพในการกำจัดคราบพลัคบนเหงือกและฟันได้ต่ำลง เนื่องมาจากขนแปรงจะเริ่มหมดสภาพและมีคุณภาพในการซอกซอนเพื่อเข้าไปทำความสะอาดตามซอกฟันได้ต่ำลง ทั้งนี้ต้องพิจารณาสภาพของแปรงสีฟันประกอบด้วย
2. ใช้ยาสีฟันที่ดี
ควรเลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนประกอบของไตรโคลซาน เนื่องจาก ไตรโคลซานมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ายาสีฟันธรรมดาทั่วไป เนื่องด้วยมีฟลูออรีนช่วยทำลายแบคทีเรียในช่องปาก
3. ล้างแปรงสีฟันของคุณ
ล้างแปรงสีฟันของคุณทุกครั้งหลังจากที่คุณแปรงฟันเสร็จ หรือจะล้างด้วยไฮโดรเจนก็ได้ หรือใช้น้ำร้อนทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคให้แปรงสีฟันบ้าง ที่สำคัญควรทำให้แปรงสีฟันแห้งอยู่เสมอ
4. เก็บแปรงสีฟันในที่ที่มีอากาศถ่ายเท
ทันตแพทย์กล่าวว่า คุณไม่ควรเก็บแปรงสีฟันของคุณไว้ในกล่องปิดผนึก หากคุณต้องการป้องกันไม่ให้มันถูกสิ่งสกปรกจากที่อื่นๆ ให้ใส่มันไว้ในกล่องที่มีรู เพราะมัน ทั้งปกป้องแปรงสีฟันจากแบคทีเรีย และยังอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทอีกด้วย
5. การไม่ใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น หรือระวังไม่ให้แปรงสีฟันของคุณไปสัมผัสกับแปรงสีฟันของคนอื่น
6. ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันภายหลังจากอาการป่วยหรือการติดเชื้อในช่องปาก ควรจะมีการเปลี่ยนแปรงสีฟัน เนื่องจากเชื้อโรคอาจยังหลงเหลืออยู่ตามขนแปรง และนำไปสู่การติดเชื้อใหม่ซ้ำอีกครั้งได้
หากคุณสามารถปฏิบัติได้ตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้น ก็จะทำให้คุณปลอดภัยจากเชื้อโรคได้มากขึ้น เพราะแปรงสีฟันสามารถเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้เกิดโรคที่ไม่คาดคิดกับตัวคุณได้
หากนำวิธีที่กล่าวไปข้างต้นไปใช้ การแปรงฟันของคุณก็จะหมดปัญหา ปากหอม ฟันสะอาด ปราศจากเชื้อโรค และไม่ต้องเผชิญหน้าก็ปัญหาฟันผุกวนใจอีกต่อไป
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก news.thaiza.com
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ