นิทานแทงใจดำ 3 เรื่อง





นิทานแทงใจดำ 3 เรื่อง

794090-img-1407122181-1

เรื่องที่ 1
เอไม่ชอบกินไข่ต้ม ทุกครั้งที่ได้รับแจกไข่ต้มเอก็จะให้บีกิน แรกๆ บีก็รู้สึกขอบคุณ แต่เมื่อนานวันเข้าก็กลายเป็นความเคยชิน เมื่อชินแล้วก็กลายเป็นสิ่งที่สมควร แต่ทว่า เมื่อวันหนึ่งเอได้นำไข่ต้มให้กับซี
บีก็รู้สึกไม่พอใจ เธอลืมไปว่า เดิมทีไข่ต้มฟองนั้นเป็นของเอ เอจะให้ใครกินก็เป็นสิทธิของเอ
ด้วยเพราะเหตุนี้ บีก็ทะเลาะกับเอ และเลิกคบกันไปเลย

เรื่องที่ 2
หน้าร้อนในปีหนึ่ง มีคนเป็นจำนวนมากออกไปพายเรือเล่นน้ำ
เด็กสาวผู้หนึ่งทำรองเท้าหายไปตอนเล่นน้ำ เมื่อขึ้นฝั่งเท้าอันเปลือยเปล่าของเธอก็กระทบกับก้อนหินอันแสนจะแผดร้อน และทางที่เป็นหินก็ไกลมากพอสมควร เธอจึงขอความช่วยเหลือจากใครๆ แต่ว่า ไม่มีใครยินดีสละรองเท้าให้กับเธอเลย
เด็กสาวรู้สึกไม่พอใจ เพราะยามปกติ เมื่อเธอขออะไรจากใคร แค่เพียงเธอฉอเลาะเธอก็มักจะได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่เหล่านั้นเสมอ แต่ทว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม เธอรู้สึกว่าคนเหล่านี้เป็นคนไม่ดีไม่มีน้ำใจ เห็นคนตกทุกข์กลับไม่ยอมช่วยเหลือ
เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็นำเอารองเท้าแตะของเขามาให้กับเธอ จากนั้นเขาก็เดินด้วยเท้าเปล่าไปบนหินที่แสนจะแสบร้อนนั้น แถมยังบอกับเธออีกว่า เท้าเขาเป็นกระทะเหล็กเทปปันยะกิไม่กลัวความร้อน
เมื่อเด็กสาวกล่าวคำขอบคุณ เด็กหนุ่มก็กล่าวออกมาว่า
“เธอจงจำไว้ให้ดี ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ใครๆจะต้องช่วยเหลือเธอ คนที่ยอมช่วยเธอก็เพราะเขาอยากสานสัมพันธ์กับเธอก็เท่านั้น การที่ใครเขาไม่ช่วยเหลือเธอนั้นมันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
เด็กสาวจดจำคำบอกกล่าวของเด็กหนุ่มคนนั้น จากนั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้เรียนรู้กับการหยิบยื่นและคำว่าเป็นผู้ให้
มีหลายครั้ง ที่เรามักหวังจะได้สิ่งดีๆจากผู้อื่น
เมื่อแรกเริ่ม ซาบซึ้งอย่างหาที่สิ้นสุด แต่เมื่อนานวันเข้า กลับกลายเป็นความเคยชิน
เมื่อชินแล้วในการที่ใครๆเขาก็ดีกับเรา มันจะกลายเป็นสิ่งสมควร คิดว่าสมควรแล้วที่ใครๆก็ควรดีกับเรา
หากวันหนึ่งใครเขาไม่ดีกับเรา เราก็โมโหแค้นเคือง
แท้จริงแล้ว ไม่ใช่เพราะคนอื่นไม่ดี แต่เป็นเพราะเราเรียกร้องมากเกินไปนั่นเอง
เมื่อได้จนชิน ก็ลืมสำนึกคุณ

เรื่องที่ 3
บ่ายคล้อยในวันหนึ่ง แพะน้อยตัวหนึ่งเดินเล่นบนเนินหญ้าเพียงลำพัง
อยู่ๆก็มีหมาป่าตัวหนึ่งกระโจนออกมาจากพุ่มไม้ หมายจะจับกินมัน แพะจึงเริ่มวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
มันใช้เขาของมันขวิดชนหมาป่าผู้หิวโซ อีกทั้งเรียกร้องให้เหล่าเพื่อนสัตว์ช่วย
วัวตัวหนึ่งที่กำลังเล็มหญ้าอยู่ไม่ไกล เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อมันเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นหมาป่า มันก็ใส่เกียร์วิ่งหนีลับไปในทันที
ม้าเพ่งมองไปยังต้นเสียง เมื่อเห็นเป็นหมาป่า ก็รีบวิ่งหนีไปเช่นกัน
ลาหยุดฝีก้าว เมื่อเห็นเป็นหมาป่า ก็รีบวิ่งลงจากเนินเขานั้นไป
เมื่อหมูผ่านมา เห็นเป็นหมาป่า ก็รีบวิ่งตามลาลงไปติดๆ
เมื่อกระต่ายได้เห็น ก็ตกใจรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดเช่นกัน
หมาบ้านตัวหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากแพะ ก็รีบวิ่งจากเชิงเขาเพื่อไปช่วยแพะ
เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมันก็กระโดดงับไปที่คอของหมาป่า ตะลุมบอนกันครู่ใหญ่ หมาป่ารู้สึกตัวว่าสู้หมาบ้านไม่ได้ ก็รีบวิ่งหนีไปในตอนที่หมาบ้านพักหายใจ
เมื่อกลับถึงบ้าน เหล่าเพื่อนสัตว์ต่างก็พากันมาเยี่ยม
วัว: ทำไมเธอไม่บอกฉัน? ฉันจะเอาเขาของฉันแทงไส้หมาป่าให้ทะลักออกมาเลยเชียว!
ม้า: ทำไมเธอไม่บอกฉัน? ฉันจะกระโดดถีบหัวมันให้เละคาเท้าของฉันเลย!
ลา: ทำไมเธอไม่บอกฉัน? แค่ฉันคำรามใส่มัน มันก็ตกใจจนฉี่ราดไปแล้ว!
หมู: ทำไมเธอไม่บอกฉัน? แค่ฉันเอาปากงัดมัน มันก็ตกเขาไปแล้ว!
กระต่าย: ทำไมเธอไม่บอกฉัน? ฉันวิ่งได้เร็ว จะได้วิ่งไปบอกให้ใครๆมาช่วยเธอ!
ในกลุ่มเพื่อนสัตว์ที่มาเยี่ยม มีเพียงแต่หมาบ้านเท่านั้น ที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของมันในค่ำนั้น 

[ads=center]

มิตรภาพที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่วาจาไพเราะเสนาะหู แต่เป็นมือที่ฉุดเราในช่วงที่สำคัญ
คนที่อยู่รายล้อมเราในทุกๆวัน สร้างความสนุกสนานกินดื่มกับเรา ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นมิตรแท้
แต่คนที่คอยมองเราอยู่ห่างๆ เขาเหล่านั้นอาจกำลังห่วงใยใส่ใจเราอยู่
ในยามเรามีความสุข เขาอาจไม่ได้มาพะเน้าพะนอ
ในยามที่เราอับจนหมดหนทาง เขากลับทำเพื่อเรา เขากลับห่วงใยใส่ใจ
คนๆนั้นแหละที่เป็นมิตรแท้!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: