เริ่มแล้ว! บัตรประชาชนทางดิจิทัล ใช้แทนบัตรจริงได้





นับตั้งแต่วันนี้ไป คนไทยสามารถใช้ บัตรประชาชนทางดิจิทัล (Digital ID) ซึ่งสามารถแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้โดยไม่ต้องพกบัตรตัวจริง นั่นหมายความว่าสามารถออกจากบ้านด้วยตัวและโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียวได้แล้ว ไม่ต้องพกแม้กระทั่งบัตรประจำตัวประชาชน

กฎหมายบังคับให้คนไทยพกบัตรประชาชนติดตัว

ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติบัตรประจําตัวประชาชน พ.ศ.2526 มาตรา 5 กำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทยที่อายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ และมีชื่ออาศัยอยู่ในทะเบียนบ้านต้องมีบัตรประชาชนตามที่กําหนด อีกทั้งในมาตรา 17 ของกฎหมายดังกล่าว กำหนดไว้ว่า “ผู้ถือบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับซึ่งมีอายุตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป ผู้ใดไม่สามารถแสดงบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับเมื่อเจ้าพนักงานตรวจบัตรขอตรวจ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท”

ดังนั้น ตามกฎหมายแล้ว ผู้ที่ถือบัตรประจำตัวประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป มีหน้าที่ต้องพกบัตรประชาชนติดไว้กับตัวเสมอ และแสดงบัตรประจำตัวกับเจ้าพนักงานตรวจบัตรเมื่อถูกขอตรวจ มิเช่นนั้นจะมีโทษปรับ 200 บาท โดยถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของ “เจ้าพนักงานตรวจบัตร” ที่สามารถขอตรวจได้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กับกรณีที่เด็กอายุ 7-14 ปี สามารถทำบัตรประชาชนได้ ซึ่งเป็นการให้ทำไว้ก่อน แต่ไม่ได้บังคับให้ต้องพกติดตัวตามกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งโทษปรับ 200 บาทตามกฎหมายดังกล่าว ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นในปี พ.ศ.2542 โดยมีเหตุผลการแก้ไขให้มีโทษปรับ 200 บาท เพราะความผิดเกี่ยวกับบัตรประชาชนมีผลกระทบกับความมั่นคง จึงมีการแก้โทษให้หนักขึ้น

อย่างไรก็ดี มีข้อควรรู้ที่ว่า หากคุณถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจบัตรประชาชน ไม่ใช่ตำรวจทุกนายที่จะมีอำนาจในการตรวจบัตร เพราะตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1496/2561 เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานตรวจบัตร ระบุว่าเจ้าพนักงานตรวจบัตรที่เป็นข้าราชการตำรวจ ต้องมียศตั้งแต่นายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป จึงจะเป็นเจ้าพนักงานตรวจบัตรภายในเขตอำนาจหน้าที่ ส่วนตำรวจชั้นประทวนจะขอดูบัตรประชาชนได้ก็ต่อเมื่อต้องอยู่ที่ด่านตรวจที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น

เพราะฉะนั้น หากคุณถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจบัตรประชาชน คุณสามารถขอดูบัตรประจำตัวตำรวจก่อนได้เช่นกันว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และมียศระดับร้อยตำรวจตรีขึ้นไปหรือไม่ โดยเฉพาะตำรวจนอกเครื่องแบบที่เข้ามาขอตรวจ ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ขอดูได้อย่างเดียว ไม่สามารถถ่ายรูปได้และห้ามยึดบัตรโดยเด็ดขาด

ปิดตำนานการพกกระเป๋าสตางค์เพราะบัตรประชาชนได้เลย

ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ประชาชนสามารถแสดงภาพบัตรประชาชนทางดิจิทัล (Digital ID) บนเครื่องมือสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันแทนการแสดงตนด้วยตัวบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถปฏิเสธการแสดง Digital ID ของประชาชนได้ เพราะฉะนั้น ใครที่เข้าสู่สังคมไร้เงินสดเต็มตัว เลิกใช้เงินสดไปพักใหญ่ แต่ยังพกกระเป๋าสตางค์ไปไหนมาไหนเนื่องจากบัตรประชาชนก็ไม่ต้องพกอีกแล้ว มีสมาร์ตโฟนเครื่องเดียวจบ!

หลายคนอาจสงสัยว่า บัตรประชาชนทางดิจิทัล (Digital ID) คืออะไร คำตอบก็คือ ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของทางภาครัฐ ซึ่งงบในอดีตที่ผ่านมา การให้บริการของภาครัฐแก่ภาคประชาชนและภาคธุรกิจ หรือการให้บริการของภาคธุรกิจแก่ประชาชน จะต้องมีขั้นตอนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนก่อน ซึ่งมันมีความซ้ำซ้อน สิ้นเปลืองทั้งเวลาและทรัพยากร อีกทั้งยังเกิดภาระต่อผู้มีหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันตัวตน และก่อให้เกิดภาระความไม่สะดวกต่อผู้ใช้บริการด้วย ดังนั้น Digital ID จะช่วยอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอนและการใช้หลักฐาน ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ โดยระบบดังกล่าวจะประกอบด้วยสองส่วน ได้แก่

  • ส่วนของการระบุตัวตน (Identification) การแสดงหลักฐานว่าตัวผู้ใช้เป็นใคร เช่น ชื่อผู้ใช้ หรือ Username
  • ส่วนการพิสูจน์ตัวตน (Authentication) เป็นขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐานเพื่อแสดงว่าบุคคลเป็นบุคคลที่เข้าใช้งานจริง เช่น รหัสผ่าน หรือ Password

โดยปกติ ในการทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตาม มักจะต้องมีการยืนยันตัวตนก่อนเสมอ ว่าเราคือบุคคลเดียวกันกับที่ระบุไว้จริง ๆ เพื่อให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ มีผลและเชื่อถือได้ ในอดีตที่ผ่านมานั้น เราจะใช้บัตรประชาชนในการยืนยันตัวตน และมีเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการเป็นผู้ตรวจสอบบัตรประชาชนของเรา โดยอาจจะแค่ตรวจสอบใบหน้าว่าเราคือคนเดียวกันกับในบัตรประชาชน หรือนำบัตรของเราไปตรวจสอบข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมก็ได้ บัตรประชาชนจึงเป็นเอกสารสำคัญในการระบุยืนยันตัวตนของเราตามกฎหมาย

จริง ๆ แล้ว ประเทศไทยได้เริ่มมีการผลักดันเทคโนโลยี Digital ID มาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีการใช้งานจริงทั้งในหน่วยงานภาครัฐ, สถาบันการเงิน, ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์ และอื่น ๆ แต่มีคนไทยหลายคนที่ยังไม่ทราบ แต่ในท้ายที่สุด ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ก็จะต้องมี Digital ID เพื่อใช้ในการระบุยืนยันตัวตนบนโลกออนไลน์ และใช้ทำธุรกรรมต่าง ๆ แม้แต่การเข้ารับบริการหรือสวัสดิการจากภาครัฐ ก็จะสามารถใช้ Digital ID ได้ทั้งหมดเช่นกัน ทำให้ Digital ID กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ประชาชนทั่วไปอย่างเรา ๆ ต้องรู้

ในปัจจุบัน บริการจากภาครัฐและเอกชนส่วนใหญ่ต่างก็ถูกเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบดิจิทัล จึงต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยี Digital ID ขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ยืนยันตัวตนบนโลกดิจิทัลได้อย่างถูกต้องแม่นยำและมั่นคงปลอดภัย ในขณะเดียวกัน ก็นำไปใช้ทดแทนบัตรประชาชนตัวจริง เพื่อทำธุรกรรมอื่น ๆ ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

ดังนั้น ตามประกาศพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2565 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ส่งเสริมให้การบริการของภาครัฐใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก บางส่วนของกฎหมายมีผลบังคับมาตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2565 แล้ว และบางส่วนก็เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ต้องเตรียมการรองรับการให้บริการแก่ประชาชน

กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จึงได้ส่งหนังสือเวียนแจ้งทุกจังหวัดและปลัดกรุงเทพมหานคร เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบถึงการมีผลบังคับของมาตรา 14 พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ ที่ประชาชนจะสามารถแสดงภาพบัตรประชาชนทางดิจิทัล (Digital ID) บนเครื่องมือสื่อสารผ่านแอปพลิเคชัน DOPA-Digital ที่กรมการปกครองได้พัฒนาระบบขึ้นสำหรับใช้ Digital ID แทนการแสดงตนด้วยตัวบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการใช้บริการต่าง ๆ โดยที่เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถปฏิเสธการแสดง Digital ID ของประชาชนได้

 

ข่าวจาก : sanook

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: