กฟผ.เตือน ค่าไฟแพงถึงปีหน้า วอนช่วยกันประหยัด ต้นทุนจะได้ต่ำลง





3 ต.ค.2565 นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และโฆษก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าปี 2566 จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไป เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักผันแปรตามราคาน้ำมัน ขณะที่ไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) ถึง 20% ที่มีราคาสูงมาก

หากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังยืดเยื้อต่อเนื่อง จะยิ่งทำให้ราคาแอลเอ็นจีมีแนวโน้มแพงมาก เช่น หากราคาแอลเอ็นจีอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 40 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู เมื่อเทียบเป็นหน่วยค่าไฟฟ้าของไทย จะสูงถึงกว่า 13.30 บาทต่อหน่วย

กระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างดำเนินการปรับแผนเชื้อเพลิงให้เหมาะสม ทั้งใช้ดีเซลทดแทนแอลเอ็นจีที่แพงกว่า ยืดอายุโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ เพื่อบริหารต้นทุนค่าไฟฟ้า ซึ่ง กฟผ.ได้สั่งจ่ายไฟจากโรงไฟฟ้าต้นทุนที่ต่ำที่สุดก่อน เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ พร้อมปรับระบบไฟฟ้ารองรับพลังงานทดแทนที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้นให้มั่นคงขึ้น จัดทำโครงข่ายระบบไฟฟ้าให้มีความทันสมัย ยืดหยุ่น นำพลังงานหมุนเวียนมาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบต่างๆ

“หากผู้ใช้ไฟฟ้าร่วมกันประหยัด หรือใช้ไฟฟ้าให้น้อยลงมากที่สุด จะทำให้ใช้แอลเอ็นจีน้อยลง ต้นทุนค่าไฟฟ้าก็จะต่ำลง”

สำหรับการจัดทำโครงข่ายระบบไฟฟ้ามีความทันสมัย ยืดหยุ่น กฟผ.ได้ดำเนินการหลายรูปแบบ ได้แก่ ระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (บีอีเอสเอส) ที่เชื่อมต่อกับระบบส่งไฟฟ้า หรือกริด สเกล นำร่องใช้งานที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงชัยบาดาล จ.ลพบุรี กำลังผลิตไฟฟ้า 21 เมกะวัตต์-ชั่วโมง

ขณะที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ กำลังผลิตไฟฟ้า 16 เมกะวัตต์-ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 37 เมกะวัตต์-ชั่วโมง มีขนาดใหญ่ที่สุดในไทย ตอบสนองต่อระบบไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะจ่ายกำลังไฟฟ้าได้ภายในเวลาไม่เกิน 200 มิลลิวินาที หรือไม่ถึง 1 วินาที ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า

โดยกฟผ. เลือกพื้นที่นำร่องติดตั้งบีอีเอสเอส ในพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง เพื่อแก้ปัญหาคุณภาพไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าจำนวนมาก จึงมีความผันผวนค่อนข้างสูงบีอีเอสเอส จะทำหน้าที่กักเก็บพลังงานในช่วงที่ระบบมีความต้องการไฟฟ้าต่ำ และจ่ายไฟฟ้าคืนสู่ระบบเพื่อชดเชยกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีความผันผวนในช่วงบ่าย ลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุดในช่วงหัวค่ำและลดความหนาแน่นของสายส่งกำลังไฟฟ้า

โดยแบตเตอรี่ที่นำมาใช้ในบีเอสเอสเอส เป็นแบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออน ซึ่งสามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้มากในพื้นที่จำกัด อีกทั้งสามารถจ่ายไฟและชาร์จไฟได้เร็ว โดยออกแบบให้มีอายุการใช้งานได้นานถึง 15 ปี

เราศึกษานำร่องบีอีเอสเอส เพื่อเตรียมคน เตรียมนวัตกรรมให้ พร้อมรับอนาคต ในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิลไปเป็นพลังงานทดแทน ซึ่งในขณะนี้ราคาแบตฯยังสูง 400-450 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าใน 5 ปีข้างหน้า ราคาจะลดลงเหลือ 100 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง คาดว่า ช่วงนั้นจะเหมาะสมในการลงทุนเชิงพาณิชย์ และจะเป็นหนึ่งในแผนงานความเป็นกลางทางคาร์บอนของไทย

 

ข่าวจาก : ข่าวสด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: