เริ่ม14ก.พ.ใช้ระบบลงลายมือชื่อ-ตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อออกเอกสาร 4 ประเภท





ดีเดย์ 14 ก.พ.ใช้ระบบลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์แทนลงนามและประทับตราสด เพื่อออกเอกสาร 4 ประเภท

นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงพาณิชย์โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายให้นำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าไทยและอำนวยความสะดวกทางการค้า กรมฯ จึงมีนโยบายผลักดันการใช้ระบบการลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature and Seal: ESS) ในการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้าทุกประเภท เพื่อลดขั้นตอน ลดระยะเวลา และลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการไทย โดยปัจจุบันได้ใช้ระบบ ESS สำหรับการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) แล้วมากกว่าร้อยละ 93 ของปริมาณการออก C/O ทั้งหมด และตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 จะขยายสู่การให้บริการออกหนังสือสำคัญฯ อีก 4 ประเภท ได้แก่ 1) หนังสือรับรองการส่งออกเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน (หนังสือรับรอง Kimberly Process) 2) หนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วนที่มีโควตาส่งออกตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (แบบ ตอ. JTEPA) 3) หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าตามข้อบังคับขององค์การกาแฟระหว่างประเทศ (แบบ ICO) และ 4) ใบกำกับปริมาณการนำเข้าสินค้าเหล็กรีดร้อนนำมารีดเย็นต่อฯ/ รีดเย็น (แบบ ล.3/ ล.5)

ระบบ ESS สามารถลดเวลาในการขอรับหนังสือสำคัญฯ ให้เหลือเพียงไม่เกิน 10 นาที/ ฉบับ เนื่องจากเป็นระบบที่ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมฯ พิจารณาอนุมัติคำขอในระบบ หลังจากนั้นระบบ ESS จะนำลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ของเจ้าหน้าที่มาพิมพ์บนหนังสือสำคัญฯ โดยอัตโนมัติ แทนการลงลายมือชื่อและประทับตรา แบบสด ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยยังลดโอกาสในการแพร่เชื้อโควิด-19 ตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)

นายพิทักษ์ฯ กล่าวว่า ปี 2564 กรมออกหนังสือสำคัญฯ ทั้ง 4 ประเภท (หนังสือรับรอง Kimberly Process, แบบ ตอ. JTEPA, แบบ ICO, และ แบบ ล.3/ ล.5) ที่จะนำเข้าระบบ ESS นั้น คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรวม 3,639.73 ล้านบาท ดังนั้น การลดขั้นตอนและระยะเวลาการให้บริการของกรมฯ จะเป็นการช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยอย่างเป็นวงกว้าง และช่วยลดต้นทุนทางการค้าจากบริการที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในอนาคตกรมฯ จะเดินหน้าผลักดันการใช้ระบบ ESS สำหรับการออกหนังสือสำคัญฯ ทุกประเภท เพื่อเตรียมการสำหรับการให้บริการแบบ No Visit อย่างเต็มรูปแบบ โดยการให้ผู้ประกอบการสามารถพิมพ์หนังสือสำคัญฯ ได้จากสำนักงานของตนเอง

 

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: