เมื่อคุณแม่ยังสวยถูก “บุ๋ม ปนัดดา” ถามแรง “คุณทำตัวสำส่อนเหรอ ผัวถึงไม่เชื่อว่าท้องด้วย”…..?!





รายการแรงชัดจัดเต็ม ของ บุ๋ม ปนัดดา ที่ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี ร่วมเปิดเผยชีวิตอันดราม่าของ แม่คนหนึ่งที่ชีวิตไม่ค่อยสมบูรณ์แบบ แต่เธอก็พยายามดิ้นรนเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่กว่าที่มาถึงวันนี้ ชีวิตของเธอก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อเธอท้องกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรักมากแต่ผู้ชายบอกให้ไปเอาลูกออก โดยมีคำถามในใจผู้ชายว่า “นั่นใช่ลูกของผมเรอ” หญิง ขนิษฐา กุลสุมิตราวงศ์ หรือเจ้าของเฟสบุค Khanittar Koonsumitarwong เปิดใจกับรายการแรงชัดเต็ม ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตอนนี้เธออายุ 28 ได้ท้องกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่แฟนกลับบอกให้ไปเอาลูกในท้องออก แต่เธอกลับเลือกที่จะเก็บลูกไว้และเดินออกมาจากบ้านฝ่ายชายจนกระทั่งตอนนี้น้องก็อายุ 11 เดือน ในขณะเดียวกัน หญิง ก็เอาแรงผลักดันมาสร้างเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าเกี่ยวกับบำรุงผิวสปาชื่อ Khanittar Brand สปาขิงร้อนช่วยกระชับสัดส่วน จนประสบความสำเร็จจากอดีตเป็นแม่ค้าขายของหน้ารามกลายเป็นนักธุรกิจหญิงซิงเกิ้ลมัมเงินล้านเลี้ยงลูกด้วยลำแข้งตัวเองแบบไม่ง้อผู้ชาย

“หนูเริ่มต้นธุรกิจนี้มา 5 เดือนแล้วค่ะ หลังจากคลอดลูกมา ลูกก็เกิดพร้อมการต่อสู้ของหนู  คิดตั้งแต่ออกจากบ้านฝ่ายชาย ว่าจะทำอะไรดีที่ทำให้เราดูแลน้องไปด้วย ตอนแรกก็ขายของออนไลน์โดยปกติทั่วไป แต่พอมีน้องก็ไม่ได้ทำ ลูกคาที่เคยมีก็ค่อยหายๆไป เพราะเราไม่มีเวลาไปดูแลเขา เขาก็ไปสั่งจากร้านอื่นหมด พอตอนคลอดออกมาเราไม่มีเวลาคุยตอบลูกค้า ลูกค้าก็หายไปหมดเลย คือตอนนั้นต้องเลี้ยงลูกอย่างเดียว”

“ออกมาจากบ้านฝ่ายชายตอนน้องอายุได้ประมาณหนึ่งเดือน เพิ่งคลอดออกมาน้องยังตัวแดงๆอยู่เลย  คือย้อนไปตอนนั้น หลังจากที่คลอดน้องแล้วออกจากโรงพยาบาลไปอยู่บ้านฝ่ายชายก่อนตอนแรก รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมบ้านมันไม่ใช่ แล้วเหมือนสามีเขาไม่อยากมีชีวิตแบบนี้ เขาไม่อยากมีครอบครัว เราก็เลยออกมากะน้องคนเดียวดีกว่า”

“ปัญหาที่เลิกกันเพราะเขาอยากมีชีวิตอิสระ เขาไม่อยากมีครอบครัว ไม่อยากมีลูก มันเป็นภาระ คือเราแต่งงานกัน จากการที่เขาเป็นฝ่ายมาจีบหนูก่อนคะ รู้จักกันได้ประมาณครึ่งปี ตอนนั้นหนูรู้สึกว่า กับผู้ชายคนนี้ว่าเขาน่าจะใช่แล้วละ แล้วเขาก็แสดงออกว่าให้เกียรติเรา พาเราไปเจอพ่อแม่ทำความรู้จัก มาหาพ่อแม่เรา พ่อแม่เลยให้เรามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และในระหว่างนั้นก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์หลังจากอยู่บ้านแฟนได้สามเดือน ตอนท้องดีใจและตื่นเต้นมาก คือตอนนั้นยังไม่แต่งงานกันนะ อยู่ด้วยกันเฉยๆก่อน แต่พ่อแม่รับรู้”

11911807_10152901482892202_57088600_n

จุดพลิกสำคัญคือถูกสามีที่อยู่ด้วยกันปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่พ่อ “คือเรารู้สึกแบบพะอืดพะอม เลยไปซื้อที่ตั้งครรภ์มาตรวจแล้วพบว่าตั้งเองท้อง แต่พอจังหวะที่หนูโทรไปหาสามีว่าเราท้อง แฟนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ หนูก็แบบงง ทำไมอ่ะ?? เขาก็บอกว่า มันเป็นไปได้ยังไง หนูก็คิดเอ๊ะ!! นี่มันยังไง แต่ที่ผ่านมาก็คุมกำเนิดแต่ครั้งนี้มันพลาดแบบไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่ผู้ชายบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะเขาคิดว่าเขาคุมกำเนิด เขาคงตกใจด้วยแหละ ตอนแรกที่ได้ยิน คงตกใจและยังรับไม่ได้ แบบยังไม่พร้อม หนูเลยไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็เอาเครื่องมาตรวจว่ามีสิ่งมีชิวิตอยู่ในร่างกายเรา หมอบอกว่าอายุประมาณหนึ่งเดือน เราเองก็ไม่คิดมาก่อน ว่าต้องถึงเวลาเป็นแม่คน แต่หนูก็รู้สึกรักเด็ก แต่สามีบอกว่าไม่ใช่ลูกเขา พูดตอนหนูโทรไปหาเขา เขาถามว่าอยู่ไหน เราบอกว่า อยู่โรงพยาบาลเขาบอกอยู่นั่นแหละเขาจะไปหา ตอนนั้นเขาเปลี่ยนไปคนละคนเลยคะ เสียงเขาน่ากลัวมาก”

เชื่อว่าวินาทีที่ได้ยินจากปากผู้ชายที่รักแบบนี้ มั่นใจว่าผู้หญิงหลายคนต้องช็อกแน่ ว่าแต่ ผู้หญิงคนนี้ฟันฝ่ามันมาได้ยังไง “หนูรู้สึกว่าคำที่แบบถูกผู้ชายปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกของเขา นั้นมันเหมือนในละครนะคะ แต่ไม่คิดว่ามันจะมาเจอกับตัวเอง ตอนนั้นช็อกมาก จากที่เคยคิดว่าจะชีวิตครอบครัวมันต้องมีความสุข พอเรามีลูกทุกอย่างมันจะต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่พอเจอคำนี้หนูรู้สึกว่าทำไมมันต้องมาโดนกับเราเนี่ยความรักมันเป็นสิ่งที่สวยงามนะ”

โดน บุ๋ม ปนัดดา ถามแรงในรายการว่าที่สามีไม่เชื่อเพราะ “คุณทำตัวสำส่อนเหรอ ผัวถึงไม่เชื่อ”  หญิง ซิงเกิ้ลมัม ตอบว่า “หนูก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนนะคะอยู่ที่บ้านเขาแล้วก่อนหน้านั้น 6 เดือนแล้ว ก่อนหน้ายอมรับว่ามีคนมาจีบนะคะ แต่พอมีแฟนหนูก็ไม่ได้คบกับใครเลย แต่เพื่อนผู้ชายมีมั้ยก็เป็นเรื่องปกติสามารถคุยได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง”

เคยถามแฟนมั้ยทำไมแฟนถึงไม่เชื่อ “แฟนบอกว่าเขาคุมกำเนิด หนูก็บอกว่าหนูก็คุมกำเนิด หนูก็ปรึกษาหมอนะคะว่าทำไมท้องได้ทั้งๆที่เราคุม ไม่ได้ทานยาแต่ใช้ถุงยางก็พลาดได้ ไม่มีอะไรคุมกำเนิดถาวร 100% ยกเว้นการทำหมันเพราะปัจจุบันแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เป็นวัยรุ่น เยอะมากจากการพลาดแบบนี้ ซึ่งคิดว่าสวมถุงยางปลอดภัยป้องกันท้องได้”

 

“จริงๆแฟนเขาก็เหมือนทนอยู่เพราะเขาทำอะไรไมได้แล้ว เขาชอบชีวิตอิสระชอบไปเที่ยว ติดเพื่อน ติดปาร์ตี้ กินเหล้า  ถามว่าเราทำตัวภาระ หนูไม่เคยทำตัวเป็นภาระของใคร เพราะหนูยังทำงานของหนูอยู่ ในขณะที่เขาไม่ได้ทำงาน เป็นทางหนูที่ดูแลเขามากกว่า หนูก็คิดว่า ไหนๆเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ดูแลผู้ชายและตัวเองที่กำลังตั้งครรภ์ด้วย เขาไม่ได้ทำงานเขาบอกว่าไม่อยากตื่นเช้า จริงๆที่บ้านก็มีธุรกิจนะคะ เขาบอกว่าไม่ได้ทำอะไรเขาก็อยู่ได้ พ่อแม่เขาดูแลเขาได้ จริงๆบ้านเขาก็ไม่ได้รวยอะไรหรอกคะ มีร้านแฟมมิลีมาท ทางครอบครัวเขาก็โอเคยินดีที่จะมีหลาน ส่วนหนึ่งจะได้ปรับพฤติกรรมลูกเขาด้วยจะได้โตเป็นผู้ใหญ่ ทางครอบครัวของหนูไม่ได้ทราบอะไรเลย เพราะหนูพูดถึงทางบ้านฝ่ายชายว่าเขาดี ไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วง”

“ผู้ชายไล่ไปทำแท้งคือตอนที่หนูโทรไปบอกแฟนว่าท้อง แฟนบอกว่าหยุดอยู่ตรงนั้นนะ จะพาไปหนูก็ถามว่าจะพาไปไหน เขาบอกว่าเขารู้ว่าจะพาไปทำที่ไหน คือหนูตกใจมาก หนูก็รีบวางสายเลย คือหนูไม่อยากไปทำนะ เขาไม่ได้บอกว่าไปทำแท้งแต่เขาบอกว่าจะพาไป แต่หนูรู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร ตอนนั้นหนูสับสนไปหมด หนูเลยไปหาที่อยู่คือไปหาเพื่อน เพราะมันไม่เหมือนที่เราคิดไว้ ตอนแรกคิดว่าเขาน่าจะดีใจนะเขารักหนูเขาน่าจะรักลูกเราด้วยและก็เป็นลูกของเขาด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่ กลับกลายเป็นว่าเขาไม่ต้องการลูก”

“ความรู้สึกตอนนั้นมันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลยค่ะ เหมือนโลกทั้งใบมันเปลี่ยนไป เหมือนที่เราวาดฝันอนาคตครอบครัว มันเหมือนมันจบลงไปเลยค่ะ เราจะเริ่มต้นยังไงดี เราไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว มีลูกอยู่ในท้อง  ก็ไม่รู้จะทำยังไง จากนั้นทางครอบครัวแฟนบอกว่าให้เรากลับมาเพราะเขาคุยกับลูกเขาแล้ว ทางผู้ใหญ่โอเคแต่สามีเขาพยายามทำทุกอย่างให้หนูทนไมไหว จากที่แต่ก่อนไม่เที่ยว เป็นเที่ยวบ่อยเที่ยวดึกเที่ยวทุกวัน กลับเช้าเมากลับมา บางครั้งหนูก็กลัวเหมือนกันนะเพราะท้องโต เขาจะเข้ามาเหยียบจะทำยังไง วันๆเขาก็เล่นเกมส์ ไม่ทำงาน  หลายอย่างมันก็เลยเป็นภาระของหนูแล้วที่จะต้องดูแลเขา ซื้อเสื้อผ้าให้เขาเวลาเขาออกไปเที่ยว หนูก็ต้องซื้อให้”

10987354_955294957827081_5973249377357977859_n

“หนูทนทำแบบนี้จนกระทั่งคลอดลูก แล้วตอนไปคลอดเองก็เก็บตังค์เอง คลอดแบบผ่า เขาไม่ได้ดูแลอะไร วันที่คลอดหนูไปรอนอนคลอดคนเดียว  ตอนเช้าตื่นขึ้นมาก็ถึงเวลาผ่า พอคลอดเขาก็มาเยี่ยมมาดูหน้าลูกว่าหน้าเหมือนเขาจริงๆหรือเปล่า คือ9 เดือน 10 เดือนที่ผ่านมา เขารอวันนี้วันเดียวคือวันที่จะมาดูหน้าลูกว่าเหมือนเขาหรือเปล่า ถ้าไม่เหมือนเขาก็จะตรวจดีเอ็นเอเลย  เขาพูดกับหนูแบบนี้เลย พูดทุกเดือนออกมาต้องตรวจดีเอ็นเอนะ  คือถ้าตรวจตอนระหว่างท้องได้คงตรวจไปแล้ว แต่คุณหมอเขาไม่แนะนำ”

อยู่กับภาวะความเครียดขนาดนั้นได้ยังไง “คือหนูคิดว่าอยากให้อยู่เป็นครอบครัว คิดว่าถ้ามีลูกเขาจะรักลูก แต่กลับกลายมาเป็นว่า เราทนไม่ไหวต้องหอบลูกหนี  ฟางเส้นสุดท้ายที่ออกมา คือตอนนั้นหนูก็ป่วยด้วยเป็นเต้านมอักเสบต้องให้นมลูก พอให้นมลูก หนูก็ต้องมาบีบหนองเพื่อเอาหนองระบายออก หมอก็เจาะรู ทีนี้พอเอาลูกนอน หนูก็มานั่งทำแผล ลูกก็ตื่นเพราะว่า เขาทำเสียงดัง เขาพยายามทำทุกอย่างให้หนูทนไม่ไหว อย่างพอกล่อมลูกนอนหนูวางลูก แต่พอวางเขาก็ทำเสียงดัง  ช่วงแรกๆเขาก็อุ้มลูกอยู่นะคะ แต่อาทิตย์ที่สองที่สามเขาก็รำคาญเสียงลูกร้อง เขาก็ใส่หูฟังดูหนังบ้าง เขาปล่อยลูกร้องไห้ เวลาเขาห้องน้ำหนูก็รีบมาก แล้วมีครั้งหนึ่งหนูกลับมาเห็นลูกนอนใกล้เท้าเขาที่กำลังเล่นคอม เขาแทบไม่สนใจลูก ตอนนั้นลูกร้องดัง หนูก็ไปสะกิดเขาบอกว่าไม่เห็นเรอลูกร้องอยู่ เขาก็บอกว่าดูหนังอยู่ จากนั้นเขาก็ดูหนังต่อ  หนูเลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว”

10974346_876070125749565_849249830712792404_o

“ถามว่ารักผู้ชายคนนี้มั้ย เคยรักมากอยากอยู่กับผู้ชายคนนี้ พอตอนหลังเปลี่ยนไปมากความรู้สึกเราเปลี่ยนไป ตอนแรกก็มีหวังให้เขากลับมาง้อ เพราะเรามีภาระในการเลี้ยงลูก เมื่อไหร่ที่เขาคิดได้แล้วพร้อม ก็หวังอยู่ลึกๆ อย่างในใบเกิดลูกเขาก็เซ็นเป็นพ่อ แล้วตอนออกมาจากบ้าน ใช้ชีวิตแบบลำบาก แทบจะไม่กินไม่ใช้อะไรเลย ส่วนหนึ่งอยากจะเก็บเงินเป็นค่ารักษาตัวเอง ค่าวัคซีนน้องอีก ตอนนั้นเงินหลักร้อยหนูยังแทบไม่มีเลยค่ะ ไม่รู้จะหาไปจากไหน ต้องหารายได้ เคยขายของออนไลน์แล้วมันเวิร์ค หนูเลยเอาช่องทางนี่แหละหนูจะได้มีเวลาดูแลลูก พอทำมาเรื่อยๆ มันถึงจุดที่จะต้องเปลี่ยน ว่าเราจะดูแลลูกได้ยังไงถ้ายังมีรายได้แบบนี้เลยตัดสินใจเอารถไปขายมาลงทุนสร้างแบรนด์สินค้าตัวเอง”

 

 

“ถ้าในวันนี้มีผู้หญิงกำลังจะเลิกกับสามีแล้วอุ้มลูกน้อยเดินมาหา หนูอยากจะบอกกับเขาว่าให้ดูสาเหตุก่อนว่าออกมาเพราะเรื่องอะไร แล้วการที่จะเดินออกมาทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นมั้ย  หรือจะต้องมาวนกับความทุกข์ ที่ไม่หลุดพ้น อยากให้คิดมากๆ ถ้าคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีก็ทำ อย่างหญิง เอง ตอนแรกก็กลัวกับการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะลูกคนหนึ่งต้องมีรายจ่ายเยอะ ตอนที่มองหน้าลูกหลังจากที่ออกมาจากบ้านแฟน หนูก็เสียใจนะ แต่ถ้าเสียใจมันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ถึงเวลาแล้วที่เราต้องลุกขึ้นสู้ทำให้เขา ลุกขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้เขาว่าแม่เคยทำอะไรให้เขา  เอาตรงนี้เปลี่ยนมาเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเปลี่ยนสร้างธุรกิจตัวนี้ขึ้นมาจนเราประสบความสำเร็จ ”

 

ขอบคุณข้อมูลจากรายการ แรงชัดจัดเต็ม  และ thaihothit.com

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram boompanadda

 

[ads=center]

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: