วันที่ 5 ธ.ค. ที่ สภ.เมืองขอนแก่น น.ส.ศรินทิพย์ อิ่มใจ อายุ 45 ปี ลูกบุญธรรมของนายพินันท์ ประเคนทอง อายุ 65 ปี ชาวอ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว พร้อมด้วย นางขวัญใจ เกิดเดช อายุ 76 ปี ภรรยาของนายพินันท์ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ไชยยุทธ จันทร์แปลง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อให้ดำเนินคดีกับชายที่คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง ในจ.ขอนแก่น ชกใบหน้าของนายพินันท์ ขณะเข้ารักษาตัวที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลดังกล่าว เมื่อกลางดึกวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา
น.ส.ศรินทิพย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นตนอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งแม่โทรศัพท์มาแจ้งว่าพ่อหน้ามืดอยู่ในบ้าน จึงได้ประสานโรงพยาบาลใน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นำรถกู้ชีพไปรับพ่อมาส่งโรงพยาบาล หลังมาถึงแพทย์ก็ได้ตรวจร่างกายแต่ยังไม่สามารถระบุถึงโรคได้เพราะเครื่องมือไม่สมบูรณ์ และขณะนั้นพ่อยังสามารถพูดคุยตอบโต้ได้ตามปกติ จากนั้นจึงได้เคลื่อนย้ายพ่อไปส่งโรงพยาบาลในตัวเมืองขอนแก่น พอไปถึงก็ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที โดยมีแม่นั่งรออยู่ข้างนอก
สักพักแม่ได้ยินเสียงดังโคลม ก็คิดว่าอาจมีใครตกเตียงแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นพ่อ และก็ไม่ได้สอบถามเจ้าหน้าที่เพราะกลัวจะถูกต่อว่า กระทั่งตนเดินทางมาถึงโรงพยาบาลและพบกับแม่ แต่สิ่งที่เห็นคือภาพที่เจ้าหน้าที่ทั้งหมอและพยาบาลช่วยทำปั๊มหัวใจพ่ออยู่ และแจ้งตนว่าหากปั๊มหัวใจอีกสักพักถ้าไม่ฟื้นคงต้องปล่อย ซึ่งโดยส่วนตัวก็ได้ทำใจไว้ จนกระทั่งพ่อได้เสียชีวิตลง และได้ทำเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิตจนเสร็จสิ้น ก่อนเดินทางกลับบ้านพร้อมแม่
ระหว่างทางนึกขึ้นได้ว่าเห็นบาดแผลที่คิ้วของพ่อมีรอยเย็บ จึงสอบถามกับแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แม่ไม่ทราบว่ารอยเย็บนั้นเป็นเพราะสาเหตุใด เนื่องจากไม่กล้าสอบถามเจ้าหน้าที่ และแม่ยืนยันว่าขณะนำส่งมาที่โรงพยาบาลดังกล่าว พ่อไม่มีบาดแผลบนใบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น จึงได้สอบถามไปทาง ร.พ.บ้านไผ่ ซึ่งทาง ร.พ.บ้านไผ่ ยืนยันว่าขณะที่ไปรับผู้ป่วยจากบ้านจนนำส่งถึงโรงบาลดังกล่าว ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลเย็บที่คิ้วแต่อย่างใด หลังจากนั้นจึงได้สอบถามไปที่โรงพยาบาลที่ถูกส่งตัวต่อ ก็ได้คำตอบครั้งแรกว่า ผู้ป่วยหกล้มในห้อง หัวไปฟาดกับของแข็ง
น.ส.ศรินทิพย์ กล่าวต่อว่า เมื่อได้ฟังคำตอบทำให้ตนติดใจว่าทำไมเกิดเหตุการณ์เช่นนี้และไม่แจ้งกับญาติผู้ป่วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลโทรกลับมาบอกว่า ผู้ป่วยพลัดตกเตียง จึงถามกลับว่าทำไมทีแรกถึงบอกว่าหกล้ม โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่า เป็นเพราะพยาบาลเห็นใบลงความเห็นของแพทย์วาดภาพบาดแผลที่เกิดขึ้น จึงคิดเองว่าเป็นเพราะหกล้ม พอได้ยินเช่นนี้จึงขอดูกล้องวงจรปิดกลับพบว่า พ่อพลัดตกเตียงจริง โดยข้างเตียงไม่มีการนำราวเหล็กขึ้นมากั้นเอาไว้ ซึ่งเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกล้องวงจรปิดอีกอย่างคือ หลังจากที่พ่อพลัดตกเตียงไปแล้ว เจ้าหน้าที่ก็นำตัวออกจากห้องฉุกเฉินไปโดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า พาไปเอ็กซเรย์สมอง ก่อนจะนำตัวกลับมา โดยได้มัดแขนพ่อไว้กับราวเหล็กข้างเตียงด้วย
นอกจากนี้ยังมีชายคนหนึ่งคาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เดินมาหาพ่อที่เตียง ก่อนจะทำบางสิ่งบางอย่าง ลักษณะเหมือนกับการชกเข้าที่ใบหน้าพ่อ จากนั้นได้บังคับให้พ่อนอนลง เท่านั้นยังไม่พอชายคนดังกล่าวได้ชี้นิ้วไปที่หน้าและพูดบางสิ่งบางอย่าง คาดว่าน่าจะเป็นการด่าทอพ่อ จึงได้พูดคุยกับทางโรงพยาบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มาร่วมพูดคุยได้เจรจาขอร้องกับทางญาติว่าอย่าเอาเรื่อง อย่าแจ้งความเด็ดขาด และห้ามบันทึกภาพในคลิปด้วย เพราะทางโรงพยาบาลจะจัดการกับคนก่อเหตุเอง
น.ส.ศรินทิพย์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากบำเพ็ญกุศลศพพ่อเรียบร้อยแล้ว ได้มีโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลดังกล่าว ซึ่งเป็นระดับหัวหน้าแจ้งว่า คนก่อเหตุยอมรับว่าได้ทำร้ายร่างกายจริงและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฝากขอโทษญาติๆ ด้วย และในช่วงกลางคืนวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่คนเดิมก็โทรศัพท์มาหาอีก แต่ครั้งนี้บอกว่า อย่าเอาเรื่องนี้ไปแจ้งความ เพราะไม่มีใครทำร้ายพ่อ พ่อตกเตียงเอง ทางผู้บริหารขอโทษกับสิ่งที่เกิดความเข้าใจผิดขึ้น และอยากพบกับญาติๆ ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ จึงได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มญาติพี่น้อง เกรงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงแค่ลมปาก ส่วนคนที่ลงมือทำร้ายพ่อก็ยังลอยนวล จึงเข้าแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
ขอบคุณที่มาคลิป : เรื่องเล่าเช้านี้
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ