ยอดตีกลับเป็นหมื่น!! แก๊งจีนส่งของเก็บเงินปลายทาง คนไทยรู้ทัน ไม่รับเยอะ!!





 

เรียกว่าโดนกันเป็นทุกหย่อมหญ้าทั่วประเทศไทย ภายหลังทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ เปิดโปงพฤติกรรมแก๊งจีน ยัดเยียดส่งของเก็บเงินปลายทาง พัสดุบรรจุสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้าปลอม และไม่ได้คุณภาพนานาชนิด นำเข้าผิดกฎหมายจากประเทศจีน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแกะรอยบุกค้นทลายโกดังย่านคลองสอง จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ย. 2561 ที่ผ่านมา ไทยรัฐออนไลน์ ได้นำเสนอข้อเท็จจริงเตือนให้ประชาชนคนไทยไม่หลงกลตกเป็นเหยื่อ

 

 

อ่านเพิ่มเติม :

EP.1 ไม่ได้สั่ง แต่ส่งถึงที่ มีชื่อผู้รับ! ลิปสติกชาแนล(ปลอม)เก็บเงินปลายทาง

EP.2 ระวังสินค้าเก็บเงินปลายทาง! ลักไก่ยัดเยียดของ ไม่ได้สั่ง 'ห้ามเซ็นรับ'

EP.3 ทลายถึงโกดัง! จับแล้วแก๊งจีนส่งของ เก็บเงินปลายทาง ทำ 2เดือน โกย 15ล้าน (คลิป)

ถึงวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงาน ได้นำตัว 3 ผู้ต้องหาชาวจีน ส่งพื้นที่ สภ.คลองหลวง ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเดินหน้าหาหลักฐานเชื่อมโยงนำสู่เครือข่ายอื่นๆ ที่ปฏิบัติการในลักษณะเดียวกัน เนื่องจากพบว่าในโลกโซเชียล มีผู้เสียหายให้ข้อมูลแสดงตัวว่าตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก  

 

 

– 3 ชาวจีน ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เข้ามาเมืองไทย ก็แค่ท่องเที่ยว – 

ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวนจับกุม พยายามสอบปากคำ เพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ บ่ายเบี่ยงยืนยันว่าธุรกิจส่งของเก็บเงินปลายทาง ตนเองไม่รู้เรื่องไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่เข้ามาเมืองไทยเพราะเข้ามาท่องเที่ยว ปั่นจักรยานเล่น เมื่อสอบถามว่า ไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงเทพได้อย่างไร ใครเป็นคนเดินเรื่องให้ ผู้ต้องหาก็บ่ายเบี่ยงที่จะไม่ตอบ

1 ใน 3 ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบมีเพียงแค่คนเดียว ที่เปิดบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเลขบัญชีธนาคารดังกล่าวเป็นเลขบัญชีที่ทางบริษัทตัวกลางส่งของ จะทำการโอนเงินเข้าหลังเก็บเงินปลายทางจากลูกค้าเสร็จสิ้น ข้อมูลยังระบุด้วยว่า เปิดได้ไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 มีเงินหมุนเวียนสะพัด 15 ล้านบาท ซึ่งบัญชีมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา แต่ผู้ต้องหายังคงปฏิเสธว่า ไม่รู้ไม่เห็นอะไรใดๆ

– หญิงไทย 1 ราย ประสานหาคนงาน ติดต่อเช่าบ้าน เดินเรื่องส่งของให้ –  

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังทราบว่ามีผู้หญิงที่อีก 1 ราย ซึ่งได้นำตัวมาสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว ให้ข้อมูลระบุว่า สินค้าในโกดังทั้งหมดเป็นของคนจีนทั้ง 3 ที่นำมาพักไว้ ก่อนจะช่วยจัดหาคนงานแพ็กของ 4 รายเข้ามาทำงานตามสั่ง โดยบาร์โค้ด รายชื่อลูกค้า และโลโก้บริษัทส่งของต่างๆ คนจีนเป็นผู้จัดหาให้ทั้งสิ้น ส่วนจะเป็นของจริงหรือของปลอม ทางหญิงไทยรายนี้อ้างว่าไม่รู้เรื่องใดๆ เชื่อเพียงว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 เป็นนักธุรกิจจากประเทศจีน และเข้ามาส่งของในไทย 

 

 

รวมไปถึงบ้านที่พักอาศัย และโกดังเก็บของ หญิงไทยคนนี้ก็เป็นผู้เช่าให้ อยู่ในพื้นที่พลุกพล่าน คนเห็นผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก จึงไม่คิดว่าจะเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย จึงดำเนินการจัดหาคนงานไทยทั้ง 4 มาช่วยแพ็กของส่งตามรายชื่อทั้งหมด และรู้จักกับคนจีนเหล่านี้เพราะคนในคลอง 2 ส่วนใหญ่รู้จักกันหมด และย่านนี้ก็เป็นย่านโรงงาน อุตสาหกรรม ทำธุรกิจ จึงได้ถูกแนะนำให้รู้จักต่อๆ กันมา โดยมิได้มีข้อฉงนสงสัยว่าธุรกิจที่ทำอยู่มันผิดกฎหมาย  

– รายชื่อที่อยู่คนไทย ถูกส่งทางวีแชทเข้ามาจากประเทศจีน – 

ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนปิดปากเงียบไม่ให้ข้อมูลเบาะแสหรือพาดพิงไปสู่ตัวการใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ยังคงเดินหน้าหาหลักฐานภายในโกดังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งชัดเจนว่า มีผู้ร่วมกระบวนการอาศัยอยู่ในประเทศจีน เป็นคนส่งข้อความมาให้ทางวีแชท 

น่าแปลกตรงที่บางรายชื่อ ระบุที่อยู่ไม่ครบ เช่น ไม่ระบุตำบล ไม่ระบุอำเภอ ของที่ถูกส่งไปแล้วจึงถูกตีกลับทั้งหมด และก็ยังมีอีกนับหมื่นรายชื่อที่ระบุตรงชัดเจน ทยอยส่งออกไปยังเหยื่ออย่างต่อเนื่องทุกๆวัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า รายชื่อเหล่านี้อาจมีพนักงานส่งของบางบริษัทเป็นผู้ขายข้อมูลให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องตรวจพิสูจน์หาข้อเท็จจริงกันอีกครั้ง 

 

 

– ใช้บริษัทขนส่งเอกชน และไปรษณีย์ไทย ดำเนินการส่งของ –  

ช่องทางทำมาหากินของแก๊งมิจฉาชีพชาวจีน เลือกที่จะพุ่งตรงไปยังบริษัทขนส่งเอกชนหลายๆ บริษัท เพราะค่อนข้างสะดวกและเชื่อว่า ไม่น่าจะเกิดพิรุธ หรือมีหลักฐานเชื่อมมาถึง เนื่องจากสินค้าเหล่านี้ หากผู้รับปฏิเสธไม่จ่ายเงินปลายทาง ก็จะสามารถตีกลับคืนไปยังต้นทางได้ทันที ส่วนเหยื่อรายไหนที่เผลอรับหรือจ่ายเงินปลายทาง นั้นถือเป็นรายได้เข้ากระเป๋าของแก๊งมิจฉาชีพ 

ซึ่งส่วนใหญ่คนที่มีรายชื่อระบุหน้ากล่องจะรู้ตัวเองว่า "ไม่ได้สั่ง" แต่คนในบ้านญาติพี่น้องซึ่งอาศัยรวมกัน ไม่รู้ว่า "เจ้าตัวไม่ได้สั่ง" จึงเผลอจ่ายเงินปลายทาง รับของไว้ให้ด้วยความปรารถนาดีในขณะที่เจ้าตัวไม่อยู่บ้าน เหตุนี้เองจำนวนเหยื่อจึงมีอยู่ทั่วประเทศ เพราะแก๊งจีนจะสุ่มกระจายไปตามรายชื่อในมือ สร้างรายได้หมุนเวียนมหาศาลต่อเดือน ส่วนชิ้นไหนถูกบริษัทขนส่งเอกชนตีกลับก็จะนำมาลอกรายชื่อกระดาษหน้ากล่องออก แปะทับรายชื่อใหม่ส่งวนไปสู่เหยื่อรายใหม่แทน

– คิวอาร์โค้ดปลอม ที่อยู่ปลอม ชื่อบริษัทปลอม ของในกล่องก็ปลอม

แน่นอนว่าถ้าคุณพลาดจ่ายเงินปลายทางไปแล้ว การติดต่อกลับสู่ต้นทางที่ส่งของ คุณจะไม่สามรถทำได้เลย เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดปลอมตั้งแต่เบอร์โทรศัพท์ไปจนถึงชื่อ ที่อยู่ และคิวอาร์โค้ด ไอดีไลน์ ที่สำคัญยังปลอมเครื่องหมายการค้า โลโก้บริษัทขายของออนไลน์ต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้เป็นจำนวนมาก 

ทางที่ดีที่สุด เมื่อรู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อคุณควรติดต่อกลับไปยังบริษัทขนส่งเอกชนที่เป็นตัวกลางนำสินค้ามาส่งทันที เพื่อยับยั้งการโอนเงินเข้าบัญชีมิจฉาชีพ นอกจากนี้อย่าลืมไปลงบันทึกประจำวัน หรือแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพื้นที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานด้วย 

 

 

– บริษัทขนส่งเอกชนระบุ ยอดตีกลับนับพันชิ้น ต่อสัปดาห์- 

จากข้อมูลที่ได้ บริษัทขนส่งเอกชนต้องถูกปฏิเสธรับของจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก โดยผู้รับให้เหตุผลว่า ตนเองไม่เคยสั่ง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำเรื่องประสานขอรายละเอียดสินค้าที่มียอดตีกลับสูงผิดปกติ แจ้งบริษัทช่วยกันสอดส่องและให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการป้องกัน สกัดยับยั้งนำสู่กวาดล้างจับกุม แก๊งคนจีนอื่นๆ ที่ยังลักลอบทำธุรกิจเช่นนี้ในประเทศไทย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า เครือข่ายของแก๊ง 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ น่าจะมีแค่นี้ เพราะดูจากยอดสินค้าและจำนวนการส่งทั่วประเทศ มันมหาศาล ส่วนเครือข่ายอื่นๆ ก็น่าจะยังตั้งรกรากในไทยประกอบธุรกิจเช่นนี้อีกมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามแกะรอยขยายผลการจับกุมต่อไป ทั้งนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้เสียหาย และบริษัทขนส่งเอกชนต่างๆด้วย อย่าคิดว่าเป็นเพียงสินค้ามูลค่าเล็กน้อยปล่อยผ่านเลยได้ ให้สำนึกอยู่เสมอว่า ทั้งหมดนี้คือความเดือดร้อนของคนไทยทั้งประเทศ

– ชุดทำงาน เร่งรัดกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง ใครพบเบาะแสให้แจ้งด้วย –

พ.ต.ท.ปิยะพันธุ์ วนอุกฤษฏ์ เปิดเผยว่า มิจฉาชีพในโลกโซเชียลมีหลายรูปแบบ ทางที่ดีที่สุดประชาชนควรดูแลความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ลองหาข้อมูลให้ชัดๆก่อนจะจ่ายเงินซื้อของออนไลน์ เพราะเมื่อกลายเป็นเหยื่อไปแล้วอาจจะต้องแจ้งความขึ้นโรงขึ้นศาลกันยาว อย่าให้ข้อมูลที่อยู่หรือประวัติส่วนตัวกับใครง่ายๆ ไม่เผยแพร่สิ่งเหล่านี้ในโลกออนไลน์ เพราะจะกลายเป็นช่องว่างให้มิจฉาชีพก่อเหตุขึ้น

"หากพบเบาะแสข้อมูล หรือสถานที่ต้องสงสัยว่าจะเกิดการหลอกลวงขายของออนไลน์ อยากให้แจ้งรายละเอียดมายังสายด่วน 1155 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยรับสายตลอด 24 ชม." 

 

 

 

 

 

ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: