‘พ่อถูกรวบกลางโรงเรียน’เปิดใจโต้ทุกคำถาม ปัดเป็นโรคจิต-เคยขู่ฆ่าตัวตายหากโดนแย่งลูก(มีคลิป)





 

เปิดใจพ่อถูกรวบกลางรร. โต้ซ้อมอดีตเมีย เป็นโรคนาซีซัส ปัดเคยขู่ถ้าแย่งลูกจะยิงลูกและฆ่าตัวตาย เผยคิดถึงลูกทุกลมหายใจ

จากกรณีศึกแย่งลูก ตร.บุกรวบตัวพ่อคาโรงเรียนต่อหน้าลูก และเด็กๆ อีกจำนวนมาก ในขณะที่พ่อตะโกนลั่นอย่าเอาลูกผมไป มีสิทธิ์อะไรมาจับ มีหมายศาลมั้ย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์หนักว่ากระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่

ล่าสุดรายการโหนกระแสวันที่ 10 สิงหาคม โดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผู้ดำเนินรายการ ในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.30-14.10 น.  ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ มาร์ค ธารา เวลาแจ้ง”  ชายผู้ที่อยู่ในคลิป พร้อม “ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์” มาร่วมพูดคุยกันในรายการ

เหตุการณ์มันเกิดอะไรขึ้น?

มาร์ค : “คือ ณ วันนั้นผมไปนั่งกินข้าวกับเบอร์ลิน ลูกคนเล็ก ผมมีลูกสองคน โรงอาหารอนุบาล ผมหันมาเห็นรถตำรวจกับทหารมาจอด ผมก็ไม่ได้สนใจ ยังนั่งเล่นกันอยู่ หันมาอีกทีก็เห็นแม่เขาเดินลงจากรถมา เป็นอดีตภรรยา พอเขามาก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นเรื่องลูกแน่นอนเพราะมันเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ผมก็จูงมือลูกคนเล็กวิ่งไปหาบีบี ลูกคนโต ก็เจอตำรวจ 3 คน เขาบอกขอค้นตัวหน่อย”

 มีหมายมั้ย?

มาร์ค : “ไม่มี  ผมก็ให้ค้น แล้วค้นไม่มีอะไร ผมก็บอกว่าผมขอไปหาลูกคนโตนะ พอเดินไปถึงห้องเรียนศิลปะก็เจอลูกสาวคนโต ผมเรียกเขา เขาก็วิ่งมาหาผม ผมคิดว่า ณ ตอนนี้ผมต้องพาลูกออกจากตรงนี้ พาไปบ้านก่อน ผมคิดว่าผมบริสุทธิ์แล้ว เขาค้นทุกอย่างแล้ว น่าจะไม่มีอะไร ผมก็พยายามกลับบ้าน แต่พ่อคุณบีม (ภรรยาเก่า) บอกว่าหยุด อย่าให้มันไป พูดกับทหารตำรวจ หลังจากนั้นก็เถียงกัน เป็นคำพูดไม่สุภาพเท่าไหร่ ว่าทำไมผมจะไป ผมพาลูกจะกลับบ้าน มีรถมอเตอร์ไซค์ที่น้องขับมาพอดี ผมก็จะไปให้เขาช่วย เพราะรถผมจอดอยู่ไกล ผมจะไปบ้านให้เร็วที่สุด ก็ตามคลิปเลย พ่อเขากระชากเสื้อผมไม่ให้ไป”

 คุณบีม อดีตภรรยาบอกว่าคุณไปต่อยพ่อตาก่อน?

มาร์ค : “ผมไม่ได้ต่อย”

เขาบอกว่าคุณส่งไลน์ไปขอโทษเขา?

มาร์ค : “ผมส่งจริง ขอโทษในกรณีพูดจาไม่ดี ตอนที่เกิดเหตุการณ์ แต่ผมไม่ได้ต่อย”

ภาพคุณถูกจับ กระแทก เห็นคุณตะโกนว่ามีหมายมั้ย?

มาร์ค : “ใช่ครับ ที่คุณจะมาเอาลูกไป มีคำสั่งศาลมั้ย มีหมายมั้ย นั่นแหละครับ ที่ผมบอก”

ทำไมตาเขียว?

มาร์ค : “โดนต่อยกับโดนเตะ พ่อเขาเป็นคนต่อยผม แล้วก็มีที่แขน ไม่รู้โดนอะไรชุลมุนตรงนั้นผมไม่ทันมองว่าส่วนหลังกับแขนเกิดรอยช้ำเพราะอะไร เพราะตอนนั้นผมโฟกัสแค่ที่ลูก”

ตร.แจ้งว่าเพราะแม่ไปร้องขอให้ช่วย ตอนนั้นคุณคลุ้มคลั่ง?

มาร์ค : “ผมไม่ได้คลุ้มคลั่งครับ แต่ ณ ตอนนั้นผมต้องตะโกนเสียงดังๆ เพราะเวลานั้นรอบข้างไม่มีใครเลย นอกจากผมคนเดียว นอกนั้นคือพวกเขาทั้งหมด”

สังคมตั้งคำถามว่าก่อนหน้านี้เกิดเหตุอะไร?

มาร์ค : “ผมกับบีมแต่งงาน 5 ปีและได้หย่ากัน มีสัญญาในการหย่า ให้ผมเป็นคนปกครองบุตรทั้งสองคนแต่เพียงผู้เดียว พอหย่ากันเสร็จ เขาก็กลับไปอยู่บ้านเขา ตอนที่หย่า เขาก็ได้โทรให้แม่กับพ่อเขามารับเขาและเอาลูกคนเล็กไป อยู่ด้วยระยะเวลาไม่กี่เดือน เขาก็กลับมาเอาคนโตอีก ตอนนั้นผมไม่ยอม เอาลูกคนเล็กไปคนเดียวก่อน พอพ่อแม่เขามาก็แย่งลูกคนเล็กกัน แต่ผมไม่ได้ให้เขาไป ผมเอาลูกไปฝากน้ากับแม่ เป็นเหตุการณ์ในอดีตและรีบไปรับลูกคนโต ซึ่งระหว่างนั้นแม่ก็โทรมาบอกว่าเขามาเอาไปแล้วนะ ไอ้ตัวเล็ก ช่วงที่ผมไปรับลูกคนโต เขาย้อนมาเอาลูกคนเล็ก”

หลังจากนั้นมีการทำสัญญาประนีประนอมกัน ให้ศาลเป็นพยานให้ ว่าทั้งสองคนมีสิทธิ์ดูแลลูกเหมือนกัน ตอนปิดเทอม เด็กไปอยู่กับแม่ที่กาญจนบุรี ตอนเปิดเทอม เด็กมาเรียนหนังสือและอยู่กับคุณที่ชลบุรี หลังจากนั้นแม่บอกว่าตัวเธอตรงต่อเวลามาก เวลามารับลูกส่งให้ทางพ่อ ทำอย่างชัดเจน มีการไปลงบันทึกประจำวันก่อนทุกครั้ง ถึงเวลากำหนดเอามาส่ง เธออ้างว่าผู้เป็นพ่อไม่ทำตามแบบนั้น ไม่เอาลูกไปส่งตามกำหนดเวลา มีเรื่องสร้อย 2 เส้นที่พ่อตาซื้อให้หลาน มันหายไป เธออ้างว่าคุณเอาไปขาย ลูกไม่สบาย คุณไม่เคยพาไปหาหมอ?

มาร์ค : “เรื่องพระผมก็ยืนยันกับเขาแล้วว่าพระยังอยู่ บีมจะเอาคืนมั้ย แต่เขาก็บอกว่าให้เอามาคืนที่ศาล แต่เราไปฟ้องร้องกันก่อน”

 เรื่องลูกไม่สบาย ไม่พาไปหาหมอ?

มาร์ค : “ณ วันนั้นสองทุ่มหน่อยๆ น้องผมคนที่บีบีไปเล่นที่บ้านน้า เอากางเกงในมาให้ดู ว่าบีบีเป็นแบบนี้ ผมก็พาบีบีไปหาหมอเลย ณ ตอนนั้นไปที่รพ.กรุงเทพ แต่ไปถึงไม่มีหมอเฉพาะทางเขาให้กลับมาพรุ่งนี้ เพื่อนเขาสองคนก็อยู่ เขาบอกว่าบีมจะพาไปเอง เขาจะออกเงินให้”

เขาอ้างว่าคุณเอง ในเมื่อรู้อยู่แล้ว เด็กมีอาการป่วยแต่ไปให้ใช้โถส้วมแบบไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้ติดเชื้อ?

มาร์ค : “คือโถฉี่อันเล็กใช่มั้ยครับ คือมันไม่สกปรก”

ไปส่งลูกไม่ตรงเวลา?

มาร์ค : “ตั้งแต่เขาเอาลูกไป ผมไปรับไปส่งคนเดียวตลอดเวลา ทุกครั้ง จนมาฟ้องเป็นคดีกัน เขาถึงเข้ามามีส่วนร่วมในการมารับ เท่านั้นเอง”

ตัวคุณเคยไปขึ้นศาล?

มาร์ค : “ไปสองนัดแรก นัดสุดท้ายก็ไป แต่จำเวลาผิด ไปแต่ไม่ทัน”

ทางเธอบอกว่าคุณไม่ไปสามนัด?

มาร์ค : “ไปครับ สองนัดแรกเป็นทนายตัวแทนผมไปเลื่อนสองครั้ง ครั้งที่สามนัดสืบพยาน ก็ต้องไปด้วยแต่สองนัดแรก เป็นนัดบ่ายโมงครึ่ง พอมานัดที่สาม เป็นวันที่ 1 กพ. ผมดูแล้วเป็นความผิดพลาดของผมเอง ที่ไม่ได้เช็กเวลาให้ดี ผมก็เข้าใจว่าเป็นบ่ายโมงครึ่ง ผมก็ไปประมาณ 11.20 น. ไปแล้วเขาก็สืบไปหมดแล้ว โดยที่ผมไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้”

ประเด็นในวันนั้นทำให้ศาลชั้นต้น ศาลเยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี ตัดสินออกมาแล้ว ในนี้บอกว่าจำเลยมีพฤติกรรมกีดกันขัดขวางไม่ให้โจทก์ หรือทางภรรยา เยี่ยมเยียนบุตรตามสมควร อันเป็นการผิดข้อตกลงสัญญาประนีประนอมยอมความข้อที่ 4 พฤติการณ์จำเลยนำทรัพย์สินของบุตรไปขาย ไม่ชำระค่าเล่าเรียนของบุตรตามเวลาที่กำหนด ไม่พาบุตรไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการป่วย กรณีนี้จึงเป็นการใช้อำนาจปกครองแก่ผู้เยาว์ทั้งสองโดยมิชอบ เห็นสมควรต้องเพิกถอนอำนาจปกครองจำเลย ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว หลังจากนั้นยังไง?

มาร์ค : “วันที่ผมไปทัน วันที่ 1 ผมเขียนคำร้องด้วยเหมือนขอร้องให้ตัดสินใหม่อีกรอบหนึ่ง  ขอให้ไต่สวนใหม่”

พอมีการบังคับคดีให้คุณเอาลูกคืนเขา คุณทำยังไง?

มาร์ค : “ผมก็ยื่นอุทธรณ์  ทนายก็ได้ทำการชะลอการบังคับคดี”

ในนี้อุทธรณ์กลับว่าพิพากษาแก้เป็นว่าไม่ไม่เพิกถอนอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ของจำเลย ศาลท่านให้คุณกลับมาเป็นพ่อของเด็กได้ แต่อำนาจการปกครองให้อยู่กับฝ่ายโจทก์หรือภรรยาคุณแต่เพียงผู้เดียว อุทธรณ์ฟังขึ้นเป็นบางส่วน?

มาร์ค : “ใช่ครับ”

ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตัวเด็กเองวันนี้อยู่กับแม่ เด็กๆ มีความสุขดี คุณเชื่อมั้ย?

มาร์ค : “ผมเชื่อว่าทางบ้านเขาดูแลลูกได้ดีระดับหนึ่งอยู่แล้ว”

 คุณบีมส่งคลิปลูกสองคนมาให้ทางเรา บอกว่าเด็กๆสบายดี อยากให้คุณมาร์คไม่ต้องเป็นห่วง?

มาร์ค : “ณ ตอนนี้ที่มารายการคุณหนุ่ม ผมไม่ได้เป็นห่วงเขา แต่ผมคิดถึงเขา และมั่นใจว่าแม่เขาก็รักลูกไม่ได้น้อยกว่าผม เผลอๆ เราก็รักลูกเท่าๆ กัน ที่ผมมาไม่ได้จะฟาดฟันเขา หรือเอาชนะเขา ที่ผมทำทุกอย่างผมจะชี้แจงต่อศาลว่าผมไม่ได้ผิดสัญญาประนีประนอม แค่อยากให้กลับไปอยู่ในสัญญาประนีประนอม ผมไม่ได้จะมาเอาชนะเขาเพื่อปกครองลูกคนเดียว ผมยอมให้เขาปกครองร่วมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราเป็นพ่อแม่”

ทนายสงกานต์ติดตามมาตั้งแต่ต้น?

ทนายสงกานต์ : “เรื่องนี้มีผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลเป็นห่วงต่อภาพที่ตร.กระชากมาและกระแทก คุณมีการตรวจสอบแล้วหรือยัง ก่อนยกกำลังทหารตำรวจมาขนาดนี้”

โกรธตำรวจมั้ย?

มาร์ค : “ณ ตอนนั้น ผมไม่ได้สนใจตำรวจ ผมโฟกัสลูกอย่างเดียว ณ วันนี้ก็ไม่ได้โกรธ แต่พูดว่าไม่ติดใจซะทีเดียวก็ไม่ได้ มีนิดๆ”

เขาสามารถทำได้ตามสิทธิ์ในการบังคับคดีได้มั้ยที่จะเอาลูกกลับเพราะศาลตัดสินมา 2 ศาล บุตรเป็นของแม่ มีหนังสือบังคับคดีเลย ส่งคืนบุตรใน 30 วัน แต่ทางนี้ก็ไม่คืน หลังจากนั้นอุทธรณ์กัน ทางนี้ก็อุทธรณ์สู้ ปรากฏว่าทางนี้มีสิทธิ์กลับมาเป็นพ่อ แต่ไม่สามารถออกคำสั่งอะไรได้ ให้แม่ออกคำสั่งแต่เพียงผู้เดียว และให้แม่เป็นผู้ดูแลทั้งหมด?

ทนายสงกานต์ : “จริงๆ การบังคับคดีเป็นหน้าที่กรมบังคับคดีของจังหวัดชลบุรีตัวแม่ก็ต้องเอาไปร้องไปตั้งเรื่องให้ถูกต้อง เวลาจะมาก็มากับกรมบังคับคดี แต่เรื่องนี้คดียังไม่ถึงที่สุด อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกา นี่คือพ่อ ถามว่าทำไมต้องเอากำลังมาขนาดนี้ ตำรวจไม่ตรวจสอบเหรอว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไป เรื่องนี้เคยอยู่ที่สน.บางละมุงถึง 3 ครั้งแสดงว่าเขาก็ต้องรู้เรื่องดี เรื่องนี้เป็นเรื่องสามีและภรรยา”

ในมุมนี้เขามีสิทธิ์ต่อรอง ขอลูกกลับมาดูแลได้มั้ย?

ทนายสงกานต์ : “ถ้าคุณแม่เขาทำแบบถูกต้องเลย ต้องไปเขียนคำร้องต่อศาลให้ศาลเรียกตัวนายธาราไปศาล มันจะละมุนละไมมากกว่า”

ทางคุณบีมบอกว่าเขาเข็ด เขากลัวพอเอาลูกไปแล้วไม่เอามาคืนอีก เพราะที่ผ่านมาเป็นแบบนั้น?

มาร์ค : “ไม่เลยครับ ผมจะขยายความนิดนึง ทุกอย่างผมไม่เคยบิดพลิ้วในข้อตกลง ไม่ว่าจะลายลักษณ์อักษร ที่เราไปตกลงกันที่ศาล หรือตกลงกันด้วยวาจา ผมไม่เคยบิดพลิ้วเลย แต่ที่ไม่คืนลูกตอนปิดเทอม เพราะเราได้ยื่นฟ้องกันแล้ว เท่ากับว่าโมฆะ ถ้าในระยะที่ฟ้อง เหมือนกันคิดมุมเขา ถ้าผมให้ลูกเขาไปตอนปิดเทอม แล้วเปิดเทอมเขาจะให้เรามั้ย เพราะเป็นเรื่องเป็นราวกัน หลังจากที่เราได้ทำสัญญาประนีประนอมกันแล้ว”

เขาบอกในอดีต คุณชอบทำร้ายเธอต่อหน้าลูก คนในละแวกนั้นก็เห็น เป็นสิ่งที่เธอยอมไม่ได้?

มาร์ค : “ผมคบกันตั้งแต่บีมเรียนมหาลัย ก็ยอมรับว่ามีบ้างทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาผัวเมีย แต่ไปซ้อมเหมือนที่เขาออกข่าว ถ้าเขาซ้อมใบที่เขาไปหาหมอมาก็ต้องระบุมากกว่านั้นสิครับ”

ในมุมคุณบีมบอกว่าคุณเคยกล่าวกับเขา ถ้ามึงมาเอาลูกอีก จะยิงลูก และจะยิงหัวกูด้วย?

มาร์ค : “ในไลน์หรือพูดคุย”

เขาบอกว่าคุณเคยพูดกับเขา?

มาร์ค : “ผมจะไปพูดอย่างนั้นเพื่ออะไร ถ้ามีหลักฐานก็มาว่ากัน”

เขาว่าคุณเป็นโรคจิต เคยไปหาหมอ หมอบอกว่าคุณเป็นโรคนาซีซัส โรคหลงตัวเอง หวาดระแวงร่วมอยู่ด้วย จริงหรือเปล่า?

มาร์ค : “ไปหาหมอจริงครับ เพราะตอนที่ทะเลาะกัน เขาเอาลูกไป ผมไม่ได้คุยกับลูก เขาบอกว่าผมอย่าเครียด ให้ไปปรึกษาหมอบ้าง ที่ไปปรึกษาหมอไม่ได้เป็นโรคจิต แต่ผมจะได้ใจเย็นขึ้น ผมก็ถามว่าถ้าผมไปหาหมอ บีมจะหายโกรธมั้ย เขาบอกว่าจะหายโกรธ ผมก็ไปปรึกษาหมอ หมอไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรอะไรนะครับ แค่ไปปรึกษาเพราะว่าตอนนั้นลูกก็ไปโน่น บีมก็ไม่อยู่ เหลือผมคนเดียว”

แล้วเรื่องที่คุณไม่ได้จ่ายค่าเทอม จนเด็กหมดสิทธิ์สอบ จนแม่เขาต้องไปจ่ายแทน จริงมั้ย?

มาร์ค : “ไม่จริงครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นแบบนั้น ดีสำหรับบีมด้วยซ้ำ ถ้าปล่อยให้ลูกไม่ได้สอบ แล้วไปสอบตามหลัง คุณเอาใบนั้นไปยื่นจะง่ายกว่าอีก แต่นี่ผมคุยกับคุณครู ว่าเราจะยืดเวลาจ่ายได้ถึงขนาดไหน และที่บีมมีรูปที่ทางโรงเรียนแจ้งเพราะผมเอาเขาเข้ามาในกลุ่มไลน์ ถ้าผมมีเจตนาจะไม่จ่าย ผมจะดึงเขาเข้ามาในกลุ่มไลน์โรงเรียนทำไม ให้เขามารับรู้เพื่ออะไร”

คุณไม่ได้จะเบี้ยว กำลังจะจ่าย แต่บีมไปจ่ายก่อน?

มาร์ค : “ใช่ครับ ถามว่าเพื่ออะไร เพื่อเอามาเป็นหลักฐานตอนยื่นในชั้นศาล”

คุณจะบอกว่าบีมวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนเหรอ?

มาร์ค : “จริงๆ ไม่อยากพูดแบบนั้น แต่ลักษณะการกระทำ สื่อไปทางนั้น”

เขาบอกว่าเขาสั่งอาหารให้ลูกตลอด ซื้อเสื้อผ้าให้ลูกตลอด จริงมั้ย?

มาร์ค : “จริงครับ เรื่องสั่งข้าวห่อไปกิน ผมกับลูกไม่ได้บอกเขาว่าให้ส่ง แต่เขาส่งมาผมก็ถามเขาว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร ไม่ใช่ทำเป็นหลักฐานในศาลเหรอ เขาบอกว่าบ้า คิดมาก แล้วก็ออกมาแบบนี้”

ทนายสงกรานต์ แบบนี้ทำยังไง?

ทนาย : “จริงๆ อยากให้ทั้งสองไปยื่นคำร้องต่อศาล  ขอให้มีการนัดไกล่เกลี่ยโดยเร็ว”

 อยากบอกอะไรกับบีมกับลูก?

มาร์ค : “กับบีมไม่มีอะไรจะบอก ผมเข้าใจในสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด เขาทำไปเพราะรักลูกเหมือนผม เพราะเขาเป็นแม่ ผมเป็นพ่อ เข้าใจทุกอย่างที่ทำ แต่สำหรับลูก เลือดผมกับลูกเขาเป็นเส้นเดียวกันผมคิดถึงเขา แต่ก็รู้ว่าเขาจะอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข เหมือนอยู่กับผมเขาก็จะมีความสุข"

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : โหนกระแส, มติชนออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: