สอนลูกได้ดีมาก!! ลูกงอแงอยากได้ของเล่น พ่องัดไม้โหดให้เลือกระหว่างยืมเงินพ่อโดยคิดดอก-อดใจไว้ ค่อยเตรียมเงินมาครั้งหน้า งานนี้ลูกเลือกทั้งน้ำตานองหน้า แต่ได้สิ่งดีๆไปเต็ม!(มีคลิป)





 

26 ก.ค.61 เฟซบุ๊ก Arunee Leksakorn Suebthawinkul  แชร์ประสบการณ์สามีสอนลูกชาย 2 คนที่อยากได้ของเล่น โดยระบุข้อความว่า..

บทเรียนพ่อสอนลูกวันนี้

“ถ้าไม่มีตังค์ .. ไม่ต้องซื้อ”

วันนี้เด็กชายนะโม (11ขวบ)ไปเจอรถHot wheel รุ่น Fast&Furious คันนึง ถูกใจเด็กป.6 (ที่ชอบสะสมไดโนเสาร์ สตาร์วอร์ส และรถฮอตวีล) อย่างแรงระดับสูงสุด วิ่งปรี่หน้าตั้งมาหาเหยื่อ (มนุษย์แม่ใจอ่อน) บอกอยากได้ๆๆ คันนี้หายากมากเลย บลาๆๆๆ … เหตุผลร้อยแปด คิดว่าคงหวานหมู แต่เนื่องจากวันนี้พ่อมาด้วย เลยบอกลูกว่า “เดี๋ยวถามปะป๊าก่อนนะ ว่าเอาไงดี” ในบัดดล นะโมหูตูบ หน้าหดเหลือครึ่งนิ้ว แม่ตอบอย่างมั่นใจสุดๆ “หนูกลัวโดนป๊าดุใช่มั้ย .. หึๆ หม่าม๊าก็เช่นกัน”

สรุป ปะป๊าให้ซื้อได้ แต่ออกตังค์ซื้อเองนะจ๊ะ นะโมบ่นว่าไม่ได้หยิบตังค์มาจากบ้าน ขอยืมตังค์ป๊าก่อน ทั้งพ่อและแม่ยืนยันว่า ไว้วันหน้าเอาตังค์มาด้วย แล้วค่อยมาเอา แต่นะโมยืนยันว่า “ต้องซื้อวันนี้ มันหายาก เหลือคันเดียว หนูอยากสะสมให้ครบ เดี๋ยวคนอื่นสอยไปก่อนจะทำยังไง บลาๆๆ”

ปะป๊าให้ทางเลือก 2ข้อ
1. ให้ยืมได้ แต่ต้องคิดดอกเบี้ย รถราคาคันละ 195 บาท ปาป๊าบวกค่ายืม(ดอกเบี้ย) รวมเงินต้นเป็น 220 บาท (ดอกเบี้ย 12%) คิดให้ดี คิดให้ถี่ถ้วน 
2. ถ้าไม่อยากเสียดอก ก็ไว้วันหน้าเตรียมเงินมาด้วย ค่อยมาซื้อ พิจารณาความจำเป็นเป็นหลัก

เด็กชายนะโม พ่อค้าประจำบ้าน ผู้ซึ่งไม่เคยมีเงินกระเด็นให้ใครง่ายๆแม้แต่บาทเดียว เกิดอาการช็อก น้ำตาพ่อค้าน้อย พรั่งพรูดั่งโลกทั้งใบล่มสลายถล่มทับรถฮอตวีลตรงหน้า ด้วยดอกเบี้ย 25 บาท !

สรุป ความอยากได้ พลังกล้าแกร่งชนะความจำเป็น นะโมเลือกยืมตังค์ป๊าด้วยน้ำตานองหน้า 
(สำหรับผู้ใหญ่ ความอยากได้ < ความจำเป็น
สำหรับเด็ก ความอยากได้ = ความจำเป็น )

ปะป๊าต้องอธิบายอยู่หลายรอบ เพราะนะโมงอน เสียใจ ไม่เข้าใจว่า แล้วทำไมปะป๊าคิดดอกเบี้ยเยอะ และเยอะกว่าของน้องชายด้วย

น้องชาย (น้ำมนต์ ป.4) ก็เอาด้วย นี่ก็ยืมเงินพ่อ แต่รถฮอตวีลของน้อง ราคา 84 บาท ปะป๊าคิดดอกเบี้ยรวมเงินต้นเป็น 100 บาท น้องชายต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ป๊า 16 บาท

นะโมไม่เข้าใจ เพราะเอาตัวเลขจำนวนดอกเบี้ยเป็นบาทมาเทียบกัน (โดยไม่เทียบกับจำนวนเงินตั้งต้น) วิชาคณิตคิดเร็วจึงเกิดขึ้นทันทีกลางร้านขายของเล่น ปะป๊าอธิบายคิดเทียบดอกเบี้ยเป็นเปอร์เซ็นต์ให้ดู สรุปของน้องชายโดนดอกเบี้ย 18% น่าน! หนักกว่าพี่ชายอีก

ถามว่าน้องชายเกิดอาการอะไรไหม .. 
ถึงจุดนี้ แฟนคลับเด็กชายน้ำมนต์คงจะพอรู้คำตอบ … 
น้องชาย ป.4 ผู้ซึ่งไม่เคยคิดอะไรซับซ้อน(โดยเฉพาะเรื่องเงิน – ถ้าเป็นเรื่องอาหารอาจจะคิดมากหน่อย) ออกแนวบริโภคตลอดเวลา ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับดอกเบี้ย 18% ยังบริหารเงินไม่เป็น เงินค่าขนมไปรร.รายสัปดาห์ ก็หมดไปกับขนมโตเกียวและอาหารอื่นๆเป็นหลัก ดังนั้น ดอกเบี้ย18% เหรอ ฮึ.. “หนูรับได้” น้ำมนต์กล่าว(แบบลอยหน้าลอยตา) .. น่าหมั่นไส้ระดับสิบ

กลับมาต่อที่พี่ชาย มาถึงจุดที่น้ำตาท่วมพื้น ต่อรองอัตราดอกเบี้ยกับพ่ออีก .. ไม่เป็นผล นางเดินมาหาแม่ นั่นไง แม่กำลังจะตกเป็นเหยื่อ หม่าม๊าจะชิ่งหนีก็กระไรอยู่ กอดลูก กระซิบบอกลูกว่า “ทำใจเถอะลูก .. งานนี้ม๊าก็ช่วยไม่ได้” ^^*

สรุปหลังจากซื้อ นะโมยังน้ำตาไหลเป็นพักๆจนถึงบ้าน อารมณ์เย็นลง ปะป๊า หม่าม้าก็ผลัดกันมาอธิบายถึงบทเรียนการหยิบยืมเงินที่ไม่ใช่ของตัวเองอีกรอบ

“ถ้าอยากได้อะไร แต่ไม่มีตังค์ หรือตังค์ไม่พอ ก็ไม่ต้องซื้อ จบเลย อย่าทำอะไรเกินตัว อย่ามีนิสัยขอยืมเงินคนอื่น เพราะโลกภายนอกเมื่อหนูโตขึ้น มันโหดร้ายกว่าที่หนูรู้จัก ไม่มีใครทำการกุศลให้เรายืมเงินฟรี โดยไม่ได้รับประโยชน์ตอบแทน และการ”ยืมเงิน” จะถูกเปลี่ยนเป็นคำว่า “กู้ยืม” และเมื่อใดที่กู้ยืมแล้ว จะมีคำหนึ่งคำแปะติดบนหน้าผากเรา คือคำว่า “หนี้” และจะมีอีกหนึ่งคำตั้งอยู่บนไหล่เรา คือคำว่า “ดอกเบี้ย” เราจะปวดไหล่มากเพราะดอกเบี้ยที่เราแบกอยู่มันจะหนักขึ้นทุกๆวัน ถ้าเราไม่มีวินัยพอในการกำจัดมัน ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือ การไม่มีหนี้ ซึ่งเกิดขึ้นได้โดยการรู้จักพอ ไม่มีเงิน ก็แค่ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องไปยืมคนอื่น แค่นี้ก็จบ ง่ายจะตายไป”

ทุกวันนี้ ปะป๊าหม่าม๊าต้องแบกดอกเบี้ยตั้งเท่าไหร่ เป็นหนี้อยู่รู้ไหม นะโมตอบไม่รู้ เออ..ดีเลยถือโอกาสเล่าไปเลยว่า หนี้ธนาคารไง ที่เราไปกู้ซื้อตึกไง เพื่อทำธุรกิจสร้างครอบครัวเพราะมันคือสิ่งจำเป็นที่เราต้องทำเพื่อเลี้ยงครอบครัว ปะป๊าหม่าม๊าถึงต้องทำงานหนัก ขยันส่งของ ขยันหาลูกค้าใหม่ ออกบูธ นอนดึกนั่งทำบัญชี ไม่เคยหยุดนิ่ง เพื่อปลดภาระให้เร็วที่สุด ไม่ใช้ชีวิตประมาท และพยายามใช้เงินอย่างรู้ค่า

ตบท้ายว่า วันนี้หนูอาจยังไม่เข้าใจนัก ไม่เป็นไร แต่ค่อยๆเรียนรู้ไป และให้รู้ไว้ว่าป๊าม๊าไม่ได้อยากได้เงินดอกเบี้ยของหนู เพราะมันไม่ได้ทำให้ป๊าหรือม๊ารวยเลย แค่อยากสอนให้รู้จักใช้เงิน ถ้าคิดจะยืม ต้องยอมรับผลที่ตามมา และต้องซื่อสัตย์มีวินัยจ่ายคืนเค้าด้วย

คนเป็นหนี้ ก็ไม่ต่างจากคนติดถ้ำ วันนี้มีป๊าม๊าอยู่เป็นทีมหน่วยซีล Thai (Parents) Seal ยังคอยปกป้องช่วยหนูได้ วันหน้าป๊าม๊าไม่อยู่ ใครจะให้เงินหนูโดยไม่คิดค่าตอบแทน หนูจะช่วยให้ตัวเองพ้นวิกฤตได้ยังไง ถ้าไม่เริ่มคิดตั้งแต่วันนี้

อนาคต โลกภายนอกยังมีอะไรรอเค้าอยู่เยอะแยะ ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อต่างๆนาๆ รวมถึงเงินกู้นอกระบบ ครอบครัวเราคิดแค่ว่าถ้าปลูกฝังวินัยในการใช้เงินแบบน้ำซึมบ่อทราย ค่อยๆให้ซึมเข้าวันละนิดละหน่อย รู้จักค่าของเงิน อย่างน้อยเมื่อเขาโตขึ้นก็จะได้มีภูมิคุ้มกันตัวเองไว้บ้าง ต่อสู้กิเลสในใจตัวเองแล้ว (ความอยากได้ VS ความจำเป็น) ก็ต้องเอาตัวรอดในสังคมได้แบบไม่เดือดร้อนตัวเอง และไม่เดือดร้อนคนอื่นด้วย

ปล. 
1. ดอกเบี้ย ไม่ได้เอาไปไหนเลย ปะป๊าเก็บไปรวมไว้ฝากเข้าธนาคารบัญชีธ.ออมสิน ชื่อของนะโมเอง เรื่องนี้อธิบายให้นะโมฟัง และนะโมเข้าใจแล้วถึงเจตนาที่ปะป๊าต้องเก็บดอกเบี้ย ก็เพื่อที่จะสอนนะโมเอง

2. วัตถุประสงค์ในการโพส คือ ต้องการบันทึกเก็บไว้ให้ลูกอ่านเมื่อโตขึ้น (และมีอิสรภาพทางการเงิน) จะได้รู้ว่าปะป๊าหม่าม๊าหวังดีกับหนูมากแค่ไหน

3. บ้านไหนจะเอาวิธีนี้ไปใช้ หากคิดว่าเป็นประโยชน์ ก็ยินดีค่ะ ลองปรับใช้ดูตามสไตล์ ตามแนวทางของแต่ละบ้านตามสมควรนะคะ อาจไม่เหมาะกับทุกบ้าน โปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ (และต้องจิตแข็ง อย่าตกเป็นเหยื่อน้ำตาลูกด้วยนะคะ)

บันทึกวันนี้ยาวม้ากๆ 
ขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่านจนจบนะคะ ^^
25/7/61

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : Arunee Leksakorn Suebthawinkul 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: