กรมส่งเสริมสหกรณ์เผย ‘ครู-ทหาร-ตำรวจ’ หนี้ล้นรวมทะลุ1ล้านล้าน หลังใช้หนี้ต่อเดือนเหลือเงินแค่10-20%





 

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ภายหลังเสนอข้อกังวลและปัญหาการบริหารจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ต่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารจัดการและการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์ โดยให้นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ให้เชิญตัวแทนผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), กระทรวงการคลัง และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมเป็นคณะกรรมการในการร่วมแก้ปัญหาสหกรณ์

กรมส่งเสริมสหกรณ์ต้องการผู้เชี่ยวชาญในด้านการลงทุนเข้ามาช่วยศึกษาผลกระทบและวางเกณฑ์การกำกับที่เหมาะสม เพื่อให้มาช่วยออกเกณฑ์การกำกับในเรื่องการลงทุน การกำหนดสัดส่วนของเงินลงทุนต่อทุนสหกรณ์ การกำหนดอันดับเครดิตที่สหกรณ์สามารถลงทุนได้เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยง ซึ่งปัจจุบันการกำกับดูแลในเรื่องการลงทุน ความเสี่ยง สหกรณ์ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีแรงต้านจากสหกรณ์ขนาดใหญ่ และกังวลเรื่องผลกระทบต่อระบบการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์

ทั้งนี้ ปัญหาที่กรมส่งเสริมสหกรณ์กังวลสถานการณ์ความผันผวนของตลาดเงิน และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ในอนาคต จะทำให้สหกรณ์ออมทรัพย์มีปัญหาด้านการเงิน เนื่องจากขณะนี้สหกรณ์ออมทรัพย์เกิดความไม่สมดุลระหว่างหนี้ที่ให้กู้ระหว่างสหกรณ์ด้วยกัน โดยสหกรณ์ผู้ให้กู้มีประมาณ 40-50 แห่งทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นสหกรณ์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ มีสถานะเงินล้นระบบ เพราะมีอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5-4% สูงกว่าระบบธนาคารพาณิชย์ทั่วไปที่อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 0.75-1% ซึ่งเป็นเงินฝากระยะสั้นดอกเบี้ยสูง จึงมีการนำเงินมาฝากจำนวนมาก

ขณะที่สหกรณ์ผู้กู้ ส่วนใหญ่เป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร เป็นต้น กลุ่มนี้สมาชิกจะเป็นหนี้ค่อนข้างสูงประมาณ 1 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 50% หนี้ทั้งระบบของสหกรณ์ที่มีประมาณ 2.03 ล้านล้านบาท หากหักเงินเดือนหรือรายได้ของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เป็นลูกหนี้มาชำระหนี้ สมาชิกจะเหลือเงินเพียง 10-20% ของเงินเดือน ทำให้ต้องมีการกู้เพิ่ม กู้วนไป 4-5 เดือนกู้อีกทำให้หนี้สินของสมาชิกพอกพูน ซึ่งอาจนำมาซึ่งสหกรณ์นั้นๆ ขาดสภาพคล่องในที่สุด หากสถานการณ์ด้านการเงินโลก หรือระบบของประเทศไทยผันผวน สมาชิกสหกรณ์กลุ่มนี้จะกลับไปสู่วังวนหนี้นอกระบบในที่สุด

นอกจากนี้ สหกรณ์ยังมีความเสี่ยงเรื่องการนำเงินฝากไปลงทุนในตราสารหนี้และตลาดหุ้นจำนวน 468,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีหุ้นกู้ 236,000 ล้านบาท หรือ 50% ของการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งการนำเงินฝากของสมาชิกในระยะสั้นไปลงทุนในระยะยาว อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสภาพคล่องของสหกรณ์

ส่วนกรณีของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนการฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ตามแผน มีการผิดชำระหนี้มาแล้ว 2 งวดติดต่อกัน จึงอยากขอให้เจรจาดีเอสไอปล่อยทรัพย์ที่อายัดหรือยึดไว้วงเงิน 3,800 ล้านบาท และให้จัดทีมที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในการการฟื้นฟูกิจการ เข้ามาช่วยวิเคราะห์และทบทวนฟื้นฟูฯเพื่อให้สามารถที่จะฟื้นฟูกิจการต่อไปได้

ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: