ขอบคุณชาวนาใจเด็ด! ย้อนดูบทสัมภาษณ์ชาวนาในพื้นที่ที่ยอมรับน้ำจากถ้ำหลวง อำนวยความสะดวกให้ จนท.เข้าไปช่วย13ชีวิตได้สำเร็จ(คลิป)





 

เป็นเรื่องปิติยินดีสำหรับคนไทยทั้งประเทศที่ติดตามข่าวการหายตัวไปของ 13 ชีวิตในถ้ำหลวง ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาภารกิจก็เป็นอันสำเร็จ จนต้องขอบคุณเหล่าฮีโร่ทั้งหลายที่มีส่วนร่วมในภารกิจครั้งนี้

 


ภาพจาก Thai NavySEAL บันทึกขณะที่ทีมดำน้ำอังกฤษเข้าไปเจอตัว 13 ชีวิตครั้งแรกที่เนินนมสาว

 

 

"ชาวนา" ในพื้นที่รอบถ้ำหลวงก็เป็นอีกกลุ่มคนหนึ่งที่ถือว่าเป็นฮีโร่ที่โลกไม่ควรลืมเช่นกัน ซึ่งวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ทาง amarintv.com ก็ได้พบกับ นางนภาสรณ์ ทาตุการ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.เภอแม่สาย จ.เชียงราย เปิดเผยว่า น้ำที่สูบออกก็จะไหลผ่านในชุมชนหมู่บ้านบ้านจ้องเพราะเป็นต้นน้ำ หลังจากนั้นแล้วน้ำจะไหลไปยังหมู่บ้านอื่น ๆ และตำบลใกล้เคียง จนกระทั่งไหลลงสู่แม่น้ำรวก แล้วไหลไปสู่แม่น้ำโขง

ทั้งนี้ น้ำที่สูบออกจะไหลไปตามธารสายน้ำ ไม่ได้มีน้ำขัง เนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทางหมู่บ้านได้ทำการขุดลอกคูคลอง และด้านบนหมู่บ้านมีการจัดทำโครงการแก้มลิง เพื่อป้องกันน้ำท่วม ทำให้การสูบน้ำที่ถ้ำทรายทอง ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน

นอกจากนี้ ตนเองได้เข้าไปดูการสูบน้ำด้านในถ้ำทรายทอง พบว่า มีการนำรถแบ็คโฮมาขุดเพื่อขยายทางน้ำ ซึ่งช่วยได้ค่อนข้างมาก และเมื่อขึ้นไปดูบริเวณโครงการแก้มลิง ก็มีปริมาณน้ำเหลือไม่เยอะมากนัก ทั้งนี้ หากจะเกิดน้ำจากการสูบออกมากระทบในชุมชน ชาวบ้านก็เต็มใจที่จะให้มีน้ำผ่านเพราะทุกคนอยากที่จะช่วยเหลือเด็กๆทั้ง 13 คนอยู่แล้ว

ส่วนการที่น้ำไหลลงไปท่วมในพื้นที่นาของชาวบ้าน ตนยังไม่เห็นว่ามีชาวบ้านเข้ามาแจ้ง นั่นหมายความว่า แม้จะท่วม แต่ชาวบ้านก็ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะตอนนี้บางที่ยังไม่ถึงฤดูดำนา บางจุดอาจอยู่ในระหว่างการหว่านต้นกล้า จึงยังสามารถรับน้ำได้ สำหรับกรณีการขุดน้ำบาดาลขึ้นมาด้วย ทางตนก็ยังไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ แต่หากจะท่วมก็คงท่วมในบ้านตน ซึ่งตนไม่มีปัญหาอะไร ตนเต็มใจ และเชื่อว่าทุกคนก็เต็มใจ

ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านถ้ำ หมู่ที่ 4 ต.โป่งบ้านถ้ำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ห่างจากถ้ำหลวง ประมาณ 5 กิโลเมตร และเป็นพื้นที่ที่ทำการเกษตรไร่นาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำที่ระบายออกจากถ้ำ

 


นางอามีเปีย ลาภดวงพร 

 

นางอามีเปีย ลาภดวงพร ชาวนาในพื้นที่ เปิดเผยว่า ตนเช่าพื้นที่นาส่วนนี้ไว้ 120 ไร่ ซึ่งไร่นาจุดนี้เคยประสบปัญหาน้ำท่วมเมื่อปี พ.ศ.2558 จนกระทั่งเกิดเหตุเด็ก 13 คนสูญหายในถ้ำ ก็มีการสูบน้ำออก น้ำที่ไหลลงมาจึงเป็นน้ำที่มาจากถ้ำหลวง โดยพื้นที่นาของตนเป็นพื้นที่รับน้ำ

ทั้งนี้ น้ำไหลลงมาจากถ้ำหลวง เข้าสู่พื้นที่นาของตนตั้งแต่ช่วง 4-5 วันก่อน และระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่วันนี้พบว่าน้ำเริ่มลดลงจากเดิมแล้ว ซึ่งตนปลูกต้นข้าวโพดไว้ และหากน้ำไหลลงมาอีก ก็อาจจะทำให้ต้นข้าวโพดที่ปลูกไว้ตาย แต่ตนก็คิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะอยากจะช่วยเด็ก ๆ ให้ปลอดภัย ตนยินยอมที่จะให้พื้นที่ของตนเป็นที่รับน้ำ เพื่อช่วย 13 ชีวิตให้ได้ก่อน แม้ตนจะต้องงดทำนาในปีนี้

 

 

 

นางอามีเปีย กล่าวต่อว่า หลังน้ำท่วมเข้านา ตนจึงเปลี่ยนไปเลี้ยงเป็ดแทน ซึ่งเป็ดสามารถลอยเหนือน้ำได้ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยซื้อเป็ดมาประมาณ 700 ตัว ตายไปแล้วเหลือ 600 ตัว แม้รายได้จะน้อยกว่าการทำนา แต่ก็ได้นำไข่เป็ดไปขายได้ทุกวัน นอกจากนี้ หลังจากน้ำไหลลงมาสู่ที่นา ก็มีปลาเข้ามาอยู่ด้วย จึงมีรายได้จากการจับปลาในท้องนาไปขายได้อีก ทำให้มีกำไรประมาณ 600-800 บาทต่อวัน อีกทั้งเจ้าของนาที่ตนเช่า ก็ช่วยเหลือให้ตนไม่ต้องจ่ายค่าเช่า

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.amarintv.com/news-update/news-10215/219648/

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: