เปิดปม “ครอบครัวหัวร้อน” รับฝังใจกับตำรวจ! เพราะเคยถูกจับนอนคุก ด้าน “ทนายตั้ม” แนะพาลูกไปขอขมาซะ!(มีคลิป)





จากกรณีคลิปวิดีโอที่ครอบครัวหนึ่งได้ยืนมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง หลังถูกเขียนใบสั่ง เพราะจอดในที่ห้ามจอด จนถูกขุดคุ้ยประวัติว่ามีพฤติกรรมเคยกระทำลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง จากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ อีกทั้ง น.ส.หทัยรัตน์ สมถวิล หนึ่งในผู้ก่อเหตุได้ระบุว่า ตัวเองเรียนจบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง ซึ่งต่อมาได้มีการนำชื่อเจ้าตัวไปค้นข้อมูลนักศึกษาแต่กลับไม่พบ กระทั่งต่อมาต้องออกมายอมรับว่า ไม่ได้จบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แค่แอบอ้าง เพราะไม่ชอบตำรวจ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้นล่าสุด (14 พฤษภาคม 2561) นายพยอม แสงวันดี, น.ส.หทัยรัตน์ สมถวิล และลูกชาย ได้ขอคำปรึกษาจากทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทนายษิทราฟังอีกครั้งว่า ขณะเกิดเหตุ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายเช่นกัน และสิ่งที่ตำรวจทำนั้นก็เกินกว่าเหตุ เนื่องจาก น.ส.หทัยรัตน์ กำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน             
โดยทนายตั้ม ได้บอกกับครอบครัวนายพยอม ว่า สิ่งที่ตำรวจทำนั้น ถือว่าทำได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ และที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ หลังจากที่ลูกชายของนายพยอม และ น.ส.หทัยรัตน์ แสดงท่าทางเหมือนกับจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ ตำรวจก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะถือว่าเป็นการเข้าจับกุม ซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่าเด็กได้มีการกระทำผิดจริง เห็นชัดว่าลูกชายจะเข้าไปชกตำรวจ เพราะฉะนั้นจึงไม่ถือว่าตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุ พร้อมทั้งแนะนำให้ครอบครัวนายพยอม อย่าอารมณ์ร้อน เพราะผลที่ออกมาไม่ดีต่อครอบครัว และอยากให้ไปรับสารภาพว่าทำผิดจริง ขอโทษตำรวจ ขอโทษสังคมอย่างจริงใจ เพื่อครอบครัวจะได้ไม่ตกเป็นจำเลยสังคม ไม่ต้องโดนขุดคุ้ยข้อมูลเก่า ๆ และถูกโจมตีจากโซเชียลอีก เรื่องหนักจะได้กลายเป็นเบา

ส่วนที่ไปแจ้งความตำรวจก็ขอให้ไปถอนแจ้งความ และพาลูกชายไปขอโทษตำรวจด้วย ทั้งนี้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการให้อภัย หากขอโทษ ยอมรับผิด อาจจะทำให้คนไทยมองครอบครัวนายพยอมดีขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าขอโทษแล้วเรื่องทุกอย่างจะจบลง หรือตำรวจจะไม่เอาเรื่อง ต้องว่ากันไปตามกฎหมายด้านนายพยอม เปิดเผยว่า รู้สึกสบายใจขึ้นและพร้อมจะทำตามคำแนะนำ จะไปขอโทษตำรวจ จะได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม หลังจากคลิปถูกเผยแพร่ออกไปก็รู้สึกเครียดเพราะถูกสั่งพักงาน แล้วตนเป็นหัวเรือใหญ่ต้องดูแลครอบครัว ญาติพี่น้องอีกประมาณ 9 คน ตอนนี้เดือดร้อนมาก เนื่องจากขาดรายได้ แถมครอบครัวยังโดนโจมตีอย่างหนัก หลายคนโทร. มาด่า ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จนต้องปิดมือถือหนี ตนอยากขอโทษสังคมที่แสดงกิริยาที่ไม่ดีต่อสาธารณชน ต่อไปจะควบคุมอารมณ์ให้เย็นลง และไม่ทำพฤติกรรมเช่นนี้อีก เพราะได้บทเรียนครั้งสำคัญของชีวิตแล้ว รวมถึงจะพาลูกไปขอโทษตำรวจด้วย ขณะที่ น.ส.หทัยรัตน์ เปิดเผยว่า ตนมีความรู้สึกไม่ดีกับตำรวจเพราะเมื่อ 6-7 ปี ก่อน ตนถูกตำรวจจับเนื่องจากพกปืนบีบีกัน กระสุนลูกปราย ต้องอยู่ในเรือนจำถึง 3 วัน พอถูกปล่อยตัวออกมาตนกลับไปตรวจสอบคดีว่าจะต้องไปขึ้นศาลอีกครั้งวันไหน แต่ปรากฏว่าไม่พบคดีของตัวเองและคดีก็เงียบหายไป ทำให้เป็นปมคาใจให้ตัวเองนำตำราเรียนจากญาติที่เรียนนิติศาสตร์ มาศึกษาด้วยตนเอง

ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ตั้งข้อสังเกตกรณีนี้ว่า การเข้าไปอยู่ในเรือนจำถึง 3 วัน แต่กลับไม่ปรากฏข้อหานั้นเป็นไปไม่ได้

ชมคลิป

ขอบคุณที่มา : ทุบโต๊ะข่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: