‘ไอติม’ พร้อมเข้าประจำการทหารเกณฑ์ผลัด1 ลั่นอีก 6 เดือนจะมาเล่าให้ฟังว่าได้อะไร!





 

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11) ตรวจเยี่ยมการดำเนินการรับ-ส่งทหารกองประจำการประจำปี 2561 ในผลัดที่ 1/61 ให้กับหน่วยรับทหารกองประจำการในพื้นที่รับผิดชอบของมณฑลทหารบก 5 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และนครปฐม ในห้วงวันที่ 1 และ3 พ.ค.นี้ จำนวน 5,525 นาย แบ่งเป็น ทหารกองประจำการที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ มทบ. 11 จำนวน 30,94 นาย และทหารกองประจำการที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ส่งช่วย มทบ. 11 จาก 13 จังหวัดภาคอีสาน อีก 2,476 นาย โดยมีผู้ปกครองมาส่งและให้กำลังใจบุตรหลานอย่างคับคั่ง

พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับชายไทยคนใดที่มีครอบครัวยากจนทางหน่วยจะเข้าไปช่วยเหลือดูแล ซึ่งกองทัพมีโครงการดูแลข้าราชการชั้นผู้น้อยอยู่แล้ว ที่มีฐานะยากจนและมีความลำบาก จากการประกอบอาชีพก่อนที่จะมาเป็นทหาร ซึ่งที่ผ่านมากองทัพบกดูแลมาโดยตลอด เหมือนน้องคนเล็กที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน จะมีการดูแลความปลอดภัย สุขภาพ มีระบบคัดครูฝึกที่ดี จะไม่มีการทำร้าย ทุบตี เราจะดูแลทหารใหม่เหมือนดูแลคนในครอบครัว

ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม หลานชาย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปปัตย์ ผปชป.) เดินทางด้วยรถบรรทุกทหาร ภายหลังรับการรายงานตัวกับสัสดี เขตสวนหลวง มายัง มทบ.11 ในเวลาประมาณ 09.00 น.โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม และยอมรับว่ารู้สึกอ่อนเพลีย เพราะเมื่อคืนนอนน้อย เนื่องจากต้องเคลียร์งานทุกอย่าง เพื่อมาทำหน้าที่ตามกฎหมายเป็นเวลา 6 เดือน ทั้งงานด้านรายการโทรทัศน์ และงานด้านการเมือง ส่วนการเตรียมใจนั้นได้เตรียมใจมานานแล้ว เพราะวางแผนมาก่อน

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของการเตรียมการในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ตนมีงานจำนวนมาก มีเวลาพักผ่อนวันละ 3-4 ชั่วโมง จึงทำให้ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพ่อแม่มาส่งที่เขตสวนหลวง และบอกว่าอะไรที่เตรียมไปได้ก็ให้นำไปด้วย ซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในแสนคนที่มาเป็นทหารใหม่ พ่อแม่ทุกคนก็มีความเป็นห่วงลูกเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนกับนายอภิสิทธิ์ก็มีการพูดคุยกันเรื่องการเมืองโดยมีการประชุมร่วมกันครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ก่อนที่ตนจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นทหารใหม่ในเรื่องของนโยบายและทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วง 6 เดือนที่ตนจะหายไป รวมถึงทีมคนรุ่นใหม่ที่อยากเข้ามาร่วมงานด้วย

เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับข้อเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารและเรียกร้องให้ใช้การรับสมัครแทน นายพริษฐ์ กล่าวว่า การที่ตนสมัครเป็นทหารไม่ได้คิดว่าในอนาคตควรหรือไม่ควรกับการมีระบบเกณฑ์ทหาร แต่ตนทำหน้าที่ตามกฎหมาย เพราะตนไม่ได้เรียนหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร เนื่องจากศึกษาอยู่ต่างประเทศ เมื่อถึงเวลาก็ไม่ได้จับใบดำใบแดง แต่ใช้วิธีการสมัครเข้าเป็นทหารกองประจำการเลย เพราะรู้สึกว่าตนได้เลือกช่องทางที่โปร่งใสและชัดเจนที่สุดเมื่อมาเกณฑ์ทหารแล้วคิดว่าน่าจะได้สัมผัสมุมมองตรงนี้มากขึ้น ว่าควรหรือไม่ควรที่จะมีระบบการเกณฑ์ทหารในอนาคต

เมื่อถามว่า หวังอะไรกับการเป็นทหารเกณฑ์ 6 เดือน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนหวังไว้หลายอย่าง ซึ่งอย่างแรกคือหวังว่าจะได้มีโอกาสรับใช้ชาติ โดยการนำศักยภาพที่ตนมีมาทำประโยชน์เพื่อกองทัพและประเทศอย่างแท้จริง เพราะหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเมื่อเรามาเป็นทหารเกณฑ์แล้วเรามาทำอะไร รวมถึงตนเรียนและทำงานที่ต่างประเทศมาหลายปี เป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนไทยที่มาจากหลายพื้นที่หลายจังหวัด คิดว่าจะทำให้มีประสบการณ์มากขึ้น

“หลังจากนี้อีก 6 เดือนตนจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง อย่างไรก็ตามตามหลักการการเกณฑ์ทหารไม่ว่าจะประเทศใดก็ตามไม่ควรมีการใช้ความรุนแรง และหวังว่าคนที่ทำเกินอำนาจนอกกฎหมายจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย และผมได้ไปตัดผมมาก่อนล่วงหน้าที่จะเดินทางมารายงานตัว โดยบอกช่างตัดผมว่าจะตัดอย่างไรก็ได้ที่ผมไปเป็นทหารเกณฑ์ได้”นายพริษฐ์

เมื่อถามว่า มีการมองว่ามาเป็นทหารเพื่อแก้ข้อผิดพลาดในอดีตของน้า (นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ)นั้นนายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนทำหน้าที่ตามกฎหมาย และเป็นหนึ่งในแสนคนที่เป็นทหารเกณฑ์ คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการแก้ไขจุดบกพร่องอะไร ถ้าตนไม่ได้เป็นหลานนายอภิสิทธิ์ ก็คงมาเกณฑ์ทหารเหมือนกัน ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย

ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: