‘จ๊อด’ขอบวชใช้กรรม ลูกชายตาจรูญ ลั่นต้องเข้าคุก ไม่อภัยให้!!(มีคลิป)





 

จากกรณี นายนราธร โสดติจัง หรือ “จ๊อด” ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นายจรูญ มีพันธ์ อายุ 82 ปี ที่ขี่รถซาเล้งหาของเก่าจนได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่เจ้าตัวขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวซาเล้งของคุณลุง แล้วเกิดเสียหลักล้มเอง ก่อนที่จะทำร้ายร่างกายลุงจรูญ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตลงเมื่อช่วงดึกของวันที่ 29 มี.ค.

 

 

30 มี.ค. ครอบครัวลุงจรูญ ได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดห่อหมก ต.ห่อหมก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณลุงและมีญาติบางส่วนอาศัยอยู่ บรรยากาศในงานศพเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยมีญาติและตัวแทนหน่วยงานราชการนำพวงหรีดมาร่วมแสดงความอาลัย

 

 

โดยในคืนนี้เป็นคืนแรกที่ได้มีพิธีสวดบำเพ็ญกุศล บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าและเงียบเหงา โดยมีเพียงครอบครัว และเพื่อนบ้านบางส่วนเดินทางเข้าร่วมพิธีสวดในค่ำนี้เท่านั้น ส่วนนายจ๊อดไม่ได้เดินทางมาร่วมงานศพในคืนนี้

 

ป้าฉลวย จริตเอก ภรรยาของลุงจรูญ

 

โดย นางฉลวย จริตเอก หรือ ป้าฉลวย ภรรยาของลุงจรุญ กล่าวว่า หลังจากเสร็จการจัดงานศพให้กับสามีแล้ว จะกลับไปที่บ้านเช่าที่ซอยชานเมือง 2 เขตดินแดง เพื่อเก็บของแล้วย้ายไปอยู่กับลูกที่จังหวัดลพบุรี โดยจะไปอาศัยอยู่กับลูกสาวสองคน ส่วนลูกชายแยกไปอยู่อีกที่หนึ่งกับภรรยา ซึ่งอยู่คนละบ้านกัน และตนก็จะหยุดพักและให้ลูกๆเลี้ยงดูบ้าง “เลี้ยงลูกมาจนโตแล้วถึงเวลาที่ลูกจะดูแลตนบ้าง” ป้าฉลวย กล่าว

ส่วนกรณีที่ลูกชายของตนไม่ยอมยกโทษให้นายจ๊อดนั้น ป้าฉลวย บอกว่า ขึ้นอยู่กับลูกชาย เพราะคนที่เสียชีวิตไปเป็นพ่อเขาทั้งคน ต้องย้อนมองว่าพ่อใครใครก็รัก เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะติดใจเอาความเรื่องนี้ แต่เท่าที่ดูตอนนี้ก็ใจอ่อนลงบ้างแล้ว เพราะญาติหลายคนไม่ติดใจอะไร ส่วนกรณีที่นายจ๊อดจะเข้ามาบวชหน้าไฟให้แก่สามีของตนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายจ๊อด ส่วนตัวไม่ได้ขัดข้องอะไร

 

น.ส.วนิดา มณีพันธ์ ลูกสาวคุณลุงจรูญ

 

ด้าน นางสาววนิดา มณีพันธ์ ลูกสาวลุงจรูญ เปิดเผยว่า เริ่มทำใจได้บ้างแล้ว จะตั้งบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 5 วัน ก่อนจะฌาปนกิจในวันพุธที่ 4 เม.ย.นี้ ขณะเดียวกัน ตนและแม่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พี่ชายตนคือนายประพจน์ มณีพันธ์ ต้องการที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยพี่ชายต้องการให้นายจ๊อดได้รับโทษ และรับผิดชอบต่อการสูญเสีย เพราะตอนนี้ครอบครัวและญาติยังมีความเห็นต่าง บางคนให้อภัยแต่บางคนไม่ยอม จึงต้องปรึกษากันก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นางสาววนิดา ยังบอกว่า หลังจากที่พ่อเสียชีวิต นายจ๊อดก็ยังติดต่อกับทางครอบครัวตนตลอด การติดต่อก็จะคุยผ่าน น.ส.เมย์ ภรรยาของนายจ๊อด และนายต้น ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ส่วนตัวก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมนายจ๊อดถึงไม่คุยกับครอบครัวด้วยตนเอง และทำไมต้องให้คนอื่นเป็นคนประสาน

ครอบครัวนายจ๊อด บอกว่าจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายการจัดงานศพ เบื้องต้นเป็นเงิน 10,000 บาท และแจ้งว่าจะโอนเงินมา แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ และนายจ๊อดยังฝากบอกผ่านนายต้นมาด้วยว่า ในวันฌาปนกิจศพได้เตรียมตัวที่จะเข้ามาบวชหน้าไฟให้พ่อตนด้วย

 

นายประพจน์ มณีพันธ์ ลูกชายลุงจรูญ

 

สำหรับ นายประพจน์ มณีพันธ์ ลูกชายของลุงจรูญ บอกว่า ตอนนี้คนในครอบครัวไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับนายจ๊อด โดยส่วนใหญ่ก็มองกันว่าพ่อก็หมดเวรหมดกรรมและเป็นไปตามอายุขัย แต่ตนยังไม่ให้อภัย ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมตามที่ญาติหลายคนปรึกษากัน และตนเชื่อว่าการยกโทษครั้งนี้ พ่อก็คงรับรู้และได้รับบุญไปด้วย

ส่วนกรณีที่ผลการตรวจของแพทย์ยืนยันว่า พ่อเสียชีวิตจากติดเชื้อในกระแสเลือดนั้น ตนก็ยังมีข้อสงสัยเพราะหมอ บอกว่ามีลิ่มเลือดไม่แข็งตัว วิ่งผ่านเข้าไปในปอด ทำให้เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังรอผลการตรวจของแพทย์ ยืนยันว่ารอยเขียวช้ำบริเวณหัวของพ่อมีผลต่อการเสียชีวิตหรือไม่ แพทย์จะรายงานผลหลังจากนี้อีกครั้ง ตนยังยืนยันว่าพ่อเป็นคนแข็งแรงออกกำลังกายตลอด

หลังจากเสร็จจากงานศพพ่อแล้ว ตนก็จะให้แม่ไปอยู่กับน้องและให้น้องเป็นคนดูแล หากแม่อยากทำค้าขายเหมือนเดิม ก็ให้พาแม่ไปค้าขาย หรือถ้าหากอยากพักผ่อนก็แล้วแต่แม่

 

นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ

 

ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ เปิดเผยถึงกรณีการเสียชีวิตของลุงจรูญ ว่า นายจ๊อดจะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นจนถึงความตาย จากเดิมที่ถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถึงแม้จะมีใบรับรองจากโรงพยาบาลราชวิถี ถึงสาเหตุการตายว่า ติดเชื้อในกระแสเลือดก็ตาม เนื่องจากก่อนที่ลุงจรูญจะถูกนายจ๊อดทำร้ายร่างกาย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ลุงยังสามารถขับซาเล้งได้ตามปกติ แต่หลังจากที่ลุงถูกทำร้าย จึงล้มป่วยจนเสียชีวิต ศาลระบุว่า การเสียชีวิตมีสาเหตุมาจากการที่ถูกทำร้าย

ทั้งนี้ โทษของนายจ๊อด ก็จะมีทั้งทางแพ่งและทางอาญา ซึ่งทางอาญา นายจ๊อดจะมีความผิดตามมาตรา 290 คือทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุก 3-15 ปี ส่วนทางแพ่ง ก็จะต้องชดใช้ค่าจัดงานศพ ค่าอุปการะ ค่าเสียโอกาสต่างๆ แต่ด้วยลุงจรูญอายุมากแล้ว อาจจะเรียกไม่ได้มาก แต่ตนมองว่าต้องเรียกได้สูงกว่า 80,000 บาท ตามที่มีการตกลงกันไว้

 

นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ

 

นอกจากนี้ ตนเคยมีโอกาสได้คุยกับ น.ส.วนิดา ลูกสาวของลุงจรูญ ซึ่งบอกกับทนายว่า เหตุที่ยอมลงชื่อรับค่าชดเชย 80,000 บาท และยังยอมให้ผ่อนได้อีก เดือนละ 3,000 บาท เพราะตำรวจแนะนำให้ลงชื่อ ซึ่งตนมองว่า ค่าชดเชยพร้อมเงื่อนไขแบบนี้ เป็นค่าชดเชยที่ต่ำมาก อยากให้มองว่าถ้าเป็นญาติพี่น้องตัวเอง จะคิดว่าน้อยหรือไม่ อีกทั้งยังถูกข้อหาที่เบามากอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของผู้สูญเสีย ยังสามารถฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มได้ เนื่องจากขณะที่ลงชื่อรับค่าชดเชย 80,000 บาท ลุงจรูญยังไม่เสียชีวิต แต่ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว จึงสามารถเรียกร้องได้มากขึ้น

ส่วนกรณีที่ศิลปิน ดารา ออกมาโพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้ ระบุว่า หากโพสต์ก็สามารถโพสต์ได้ ไม่ได้ผิดอะไร ส่วนหากข้อความไปหมิ่นประมาทใคร ผู้เสียหายก็อาจมีสิทธิ์ฟ้องหมิ่นประมาทกลับได้เช่นกัน

ข่าวจาก : ทุบโต๊ะข่าว อัมรินทร์ทีวี

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: