แชร์ประสบการณ์สะพรึง!! ขี้เหร่จนแฟนเอาไม่ลง แอบไปกินกับเพื่อนสนิทจนท้อง ลุกมาเปลี่ยนตัวเองเท่านั้นแหละ ผู้ชายเสียดายแทบไม่ทัน!!





 

เรื่องโดย : ทเวิคออนเดอะฟลอ 
เว็บไซต์ : https://pantip.com/topic/37380630

กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาว่าร้ายหรือดิสเครดิตใครค่ะ เราแค่อยากแชร์ประสบการณ์ที่ทำให้เปลี่ยนเป็นคนใหม่เพื่อเป็นกำลังใจให้ใครที่กำลังทุกข์ใจ มองตัวเองแย่ ให้ลุกขึ้นมารักตัวเองมากขึ้นค่ะ

 

 

ขอย้อนเวลาไปช่วงประมาณ 5 ปีที่แล้ว… เป็นช่วงเวลาป๊อบปี้เลิฟของเราค่ะ มีความรักครั้งแรก มีแฟนคนแรก ใจเต้นแรงกับใครซักคนเป็นครั้งแรก รู้สึกสวยนิดๆทั้งที่ตอนนั้นขี้เหร่555

 

 

ตัวแน่นเปรี๊ยะก็บิดเอา หน้ามีสิวแต่โบกรองพื้นมิดๆ สาดไฟให้ฟุ้งแต่งรูป 2-3 แอพไปอีกแต่ยังได้แค่นี้

บางคนอ่านคงคิดว่ายัยนี่เป็นเด็กติ๋มๆปะ ที่จริงก็ไม่ติ๋มหรอกค่ะเรียนๆแรดๆ บ้าผู้ชายแอบชอบตามสไตล์ สมัยเรียนก็เคยคุยๆกับผู้ชายอยู่นะแต่เหมือนไปชอบเค้าฝ่ายเดียวซะมากกว่า อ่านไม่ตอบโดนมานับไม่ถ้วน บอกไปอาบน้ำแปปแต่ทุกวันนี้ไม่ตอบอีกเลยสงสัยยังอาบไม่เสร็จ555 กลับมาที่ผู้ชายคนนี้ขอใช้ชื่อแฝงเค้าว่า ช. ละกัน ย่อมาจากชั่วค่ะ เราเจอเค้าจากที่ทำงานเก่า(ปัจจุบันเราย้ายมาทำที่ใหม่แล้ว เดี๋ยวก็รู้ว่าย้ายทำไม หึหึ) จำได้ว่าเจอเค้าครั้งแรกไม่ได้มีความรู้สึกปิ๊งปั๊งเลย แค่รู้สึกว่าก็ดูดีอ่ะ เป็นผู้ชายหน้าตาออกไทยๆ แต่งตัวก็พนักงานออฟฟิศ แต่มาเริ่มแอบปลื้มก็ตอนที่เรามีปัญหาเรื่องงานนี่แหละ บังเอิญต้องโคกับแผนกเค้าเลยมีโอกาสได้คุยกัน ด้วยเนื้องานเลยมีโอกาสได้แลกไลน์กันเพื่อพูดคุยค่ะ ซึ่งความกลมของโลกคือเราจบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันแต่คนละสาขา เค้าอายุมากกว่าเรา 2 ปีก็ไม่ได้แก่มาก แต่เราไม่เคยเจอกันที่มอเลย

ตอนเริ่มคุยกันก็ไม่ได้ป่าวประกาศนะคะ เพราะเราไม่ใช่สายอวดผู้ ก็คุยกันเรื่อยๆไปได้ 5-6 เดือน พอเค้าขอคบก็คบ ตอนคุยไม่คิดว่าจะสมหวังถึงขั้นแฟนด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเป็นธรรมเนียมเวลาเรามีแฟนก็ต้องพาไปเจอเพื่อนให้สแกนความชอบขี้หน้าไม่ชอบขี้หน้าใช่มั้ยคะ เราก็เลยพาไปเจอเพื่อนกลุ่มสมัยมอปลายกับมหาลัย เพราะเป็นกลุ่มที่ยังสนิทกันอยู่ ส่วนที่ทำงานก็รู้กันอยู่ว่าคบกัน ประเด็นมันอยู่ที่เพื่อนสนิทสมัยมหาลัยของเรานี่แหละค่ะ บอกก่อนว่ากลุ่มนี้มี 6 คน(รวมเรา) เรามีคนที่สนิทสุดๆอยู่ 2 คนหนึ่งในนั้นคือ ล. ย่อมาจากเลวค่ะ555 ก็ไม่ต้องสืบว่าสวยกว่าเราแน่นอน พูดแบบตรงๆเพื่อนทุกคนก็สวยกว่าเราทั้งกลุ่มน่ะ หุ่นดี ผิวดี หน้าดี เรายังเคยถูกรุ่นพี่แซวว่าเป็นหลุมดำของกลุ่มก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆรับความจริงกันไป

ช. กับ ล. เจอกันครั้งแรกในฐานะ “แฟนเพื่อน” และ “เพื่อนแฟน” ที่ร้านอาหารแห่งนึงค่ะ เพราะแก๊งเรานัดไปกินข้าวจะได้นั่งคุยกันได้ ตอนเจอกันครั้งแรกก็ปกติ เพื่อนเราก็พูดคุยแซวเล่นเฮฮา แต่ยังไม่สนิทเพราะ ช. เป็นคนขี้อายนิดๆเค้าเลยยังนิ่งๆหน่อย ยิ้ม หัวเราะเฉยๆ แต่เพื่อนเราก็โอเคกับเค้าบอกว่าให้ผ่าน พอขากลับแฟนเราเล่าว่าเคยเห็นหน้า ล. แล้ว เพราะเพื่อนเค้าเคยชอบน้องคนนี้น่ารัก ตอนนั้นเราไม่แปลกใจค่ะเพราะ ล. น่ารักมากจริงๆ หน้าสไตล์แพทตี้ หุ่นไซส์xs ผิวขาววิ๊งมาแต่ไกล อื้มม ตัดภาพมาที่เรา หน้าตาเหมือนปลวกหิวไม้ หุ่นไซส์ xl ผิวก็ทูโทน เข้าใจแล้วว่าทำไมเค้าไม่เคยเห็นเราที่มอเลย555

 

 

คบกันช่วงแรกๆพยายามลดน้ำหนักอดอาหารแต่ไม่ได้ออกกำลัง น้ำหนักก็ลงมานิดหน่อยค่ะพุงยุบลง ทนได้ไม่นานก็กลับไปกินตามปกติสุดท้ายโยโย่ไม่ต้องสืบ

ยอมรับค่ะว่าเราไม่ใช่คนดูแลตัวเองแต่ก็คิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ขี้เหร่จนหมากลัว(เอ๊ะหรือกลัว) ช. เค้าก็เคยพูดกับเราตรงๆนะคะว่าในบรรดาคนที่เค้าเคยคยมา เราขี้เหร่สุดละ ตอนนั้นจี๊ดที่ใจแต่ก็ต้องรับว่ามันจริง555 แต่ทำไงได้เราก็คือเราอ่ะนะ เค้าก็ว่ารักเราเพราะความดีที่มี เค้าบอกว่าเราเป็นคนละเอียดอ่อน เอาใจใส่ เทคแคร์เค้าดี ที่สำคัญไม่ขี้งอน แต่เค้าก็ดีกับเรานะคะไม่เคยทำให้เราร้องไห้เลย เวลาเครียดก็จะหาวิธีให้เรารู้สึกดีขึ้น เป็นที่ปรึกษาที่ดีรองจากแม่เราเลย เวลาคุยกับเค้าเราจะรู้สึกว่าทุกปัญหามันมีทางออกเสมอ บอกเลยว่าคบกับคนนี้วันแรกเป็นไงผ่านไปเป็นปีๆก็เป็นงั้น ทุกคนคงจะแบบโหยยก็ดูเป็นคนดี สม่ำเสมอ อ๋อเปล่าค่ะ เพราะเค้าไม่เคยมีช่วงโปรโมชั่นหวานให้เราอยู่แล้ว555 เห็นคู่อื่นช่วงแรกๆผู้ชายจะหวานมากๆแต่ของเราไม่มีเลยค่ะ ก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะเราไม่ใช่คนสวยอ่ะนะไม่ได้คาดหวังด้วย ตอนนั้นคิดว่าดีซะอีกจะได้ไม่รู้สึกว่าวันนึงเค้าเปลี่ยนไป และเรื่องที่เราประทับใจในตัวเค้ามากๆตอนนั้น ย้ำว่าแค่ตอนนั้น คือเค้าไม่เคยเกินเลยกับเราค่ะ มีจับมือ หอมแก้มบ้างแต่ไม่เคยมากกว่านั้น ถึงจะอยู่กันแค่สองต่อสองก็ตามแบบตอนนั้นรู้สึกแค่เค้าให้เกียรติเรามากๆ

หลังจากที่ 2 คนนั้นมีโอกาสเจอกันที่ร้านอาหาร ช. กับ ล. ก็ได้มีโอกาสเจอกันอีกบ้างประปรายเวลาเค้าไปรับไปส่งไปเราตอนไปเที่ยวกับเพื่อน ก็มีการยิ้มทักทายกันตามมารยาทแค่นั้น จนเราคบกับแฟนมาได้เข้าสู่ปีที่ 3 ช่วงพีคเลยค่ะ ความรักพีคเหรอ ไม่ใช่ ตัวเราเนี่ย ขี้เหร่พีคเลย! น้ำหนักขึ้นพรวดๆ หน้าก็เป็นสิว คือปล่อยตัวมาก ปล่อยตัวแบบไม่รู้ตัวว่าตัวเองทุเรศขนาดนี้ ด้วยความที่ได้อัพตำแหน่ง หน้าที่มันก็มากขึ้นจนเราลืมมองตัวเองไป จุดนี้เราเองก็ไม่โทษเค้าที่จะรับไม่ได้นะ คือตัวเราเองก็ผิดที่ปล่อยให้สภาพเป็นแบบนี้จะเรียกร้องให้ผู้ชายต้องรับได้ๆก็คงไม่ถูกต้องเท่าไหร่ มันไม่ใช่ละครตามหารักแท้ไง555

 

 

ปกติถ่ายรูปบิดตัวยังพอพลางได้ จุดนี้คือบิดไปก็ปลิ้นค่ะ แต่งหน้าก็ทำเป็นแค่โบกรองพื้นหนาๆปิดสิว ถ่ายรูปก็แต่งๆให้หน้าเนียนไป

ตั้งแต่คบกันมาเราเชื่อใจเค้ามากๆ ไม่เคยเช็คมือถือ ไม่มีรหัสเฟซหรือไลน์ ไม่เคยโทรตามจิก แล้วก็ไม่ได้ระแวงว่าเค้าจะไปแอบคุยกับใครเพราะเราถือว่าเราซื่อสัตย์กับเค้า เราให้เกียรติเค้า ความรักต้องมีพื้นที่ส่วนตัวให้อีกฝ่ายเสมอ และวันนึงเราก็ได้เรียนรู้ว่าความเชื่อใจมันไม่ได้ดีเสมอไป อะไรก็ตามที่มันมากเกินไปก็อาจจะกลายเป็นดาบสองคม หันมาแทงเราให้เจ็บเกือบตายได้เหมือนกัน ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาเราและ ช. คบกันแบบไม่หวือหวาแต่ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนไป เคยคุยกันถึงอนาคต เค้าบอกเค้ากำลังสร้างตัวอยู่ก็เลยเริ่มประหยัดมากขึ้นไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยอย่างที่เคยใช้สมัยคบกันแรกๆ ไปเที่ยวกันน้อยลงเราก็ไม่ซี เค้าบอกว่าเก็บเงินเพื่อสร้างครอบครัว ตัวเราเองก็พยายามเก็บเงินไปด้วย มองหาลู่ทางเพิ่มรายได้ อนาคตของเราสองคนเค้าต้องไม่เหนื่อยคนเดียว ตอนนั้นยอมรับว่าในใจวาดฝันไปไกลมาก เป็นอีโลกสวยเกินจริง วางไว้ในหัวเป็นระยะเวลาเลยว่าอีก 2 ปีอยากแต่งงาน ตอนนี้มีรถแล้วนะพอแต่งค่อยกู้เงินจะได้มีบ้านของตัวเอง อยู่กินกันซัก 2-3 ปีใช้ชีวิตให้เต็มที่เตรียมเงินให้พร้อมแล้วค่อยมีลูก มโนไปต่างๆนาๆ

จนวันครบรอบ 4 ปี เป็นวันที่เราจำจนวันตาย ความรู้สึกวันนั้นยังจำได้ดีเหมือนโลกทลาย ทุกอย่างมันตีกันทั้งอารมณ์ทั้งความรู้สึกจนเราเองก็แยกไม่ออกว่าจริงๆแล้วตอนนั้นเรารู้สึกยังไงกันแน่ หูอื้อ ตาลาย มันงงไปหมดเหมือนมีใครเอาอะไรแข็งๆมาทุบสมอง ปกติเค้าเป็นผู้ชายที่ไม่เคยสนใจวันสำคัญ จะวันครบรอบวันเกิด ถ้าเราไม่บอกไม่นัดเค้าก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรเป็นพิเศษ แต่เราไม่เคยน้อยใจนะคะไม่อยากให้มันมาบั่นทอนช่วงเวลาดีๆ วันครบรอบ 4 ปีตรงกับวันเสาร์ เราชวนเค้าไปตลาดน้ำอยากเดินเล่น หาของกิน ถ่ายรูปกัน แต่เค้าบอกว่าเดี๋ยวซื้อของสดมาทำอาหารที่ห้องเค้าดีกว่า(เค้าอยู่คอนโดค่ะ) เค้าบอกให้เรามาเย็นๆเพราะช่วงกลางวันเค้าต้องไปทำธุระที่บ้านก่อน เราก็โอเค เราไปถึงห้องเค้าประมาณ 5โมงเกือบ6โมง เดินไปเปิดประตูเข้าห้องเค้าตามปกติ แต่พอเข้าไปสิ่งที่เราเจอคือ ล. เพื่อนสนิทเรานั่งดูทีวีอยู่กับ ช. แฟนของเรา ตอนนั้นงงมากถามออกไปว่า “มาได้ไงอ่ะ” ทั้งห้องเงียบค่ะ เราเดินเข้าไปหาทั้งสองคน ใจคิดแค่ว่า ไม่นะอย่าให้เป็นอะไรที่เรากำลังกลัวนะ จน ล. พูดออกมาว่า “พูดสิ จะได้จบๆ” คือที่เราเข้ามาเจอวันนี้  เค้าไม่ได้พลาด เค้าวางแผนกันมาตั้งแต่ต้น เค้าจงใจให้เรามาเจอ เราจ้องหน้า ช. อยู่นาน จน ช. พูดคำว่าขอเลิกออกมา เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราพูดอะไรออกไปบ้าง รู้แค่ตัวเองร้องไห้เสียงดังโวยวาย ด่าทั้งคู่ สะอื้นจนหายใจไม่ทัน เราไม่ได้แค่เสียใจที่โดนหักหลังหรือความรักต้องพัง แต่เรารู้สึกไร้ค่าเพราะเราเหมือนไร้สมอง

เค้าสองคนแอบคบกันมา 2 ปีกว่าแล้ว เกือบ 3 ปีที่เราใช้แฟนคนเดียวกันกับเพื่อนสนิทตัวเอง รูปในเฟซในไอจีที่ถ่ายแหวน ถ่ายเค้ก ถ่ายดอกไม้ต่างๆนาๆที่เราเคยไปคอมเมนต์แซว วันนี้เรารู้แล้วว่าทำไม . ถึงลงโดยไม่แท๊กใคร ทำไมมันไม่เปิดตัวผู้ชายคนนั้นซักที เราถาม ช. ว่าเธอเอาเวลาที่ไหนไปเจอ เอาเวลาที่ไหนไปคุยกัน สรุปเพื่อนเราทักไปหาเค้าทางแชทเฟซโดยที่ไม่ได้แอดเฟรนกันค่ะ แล้วก็คุยกันมาตลอด แอบไปหากันตลอด จงใจลักกินขโมยกินกันทั้งคู่ คำถามที่ลอยขึ้นมาในหัวเราคือระหว่างตอนที่คบกันมีอะไรที่เป็นความจริงบ้างวะ ที่บอกไปหาเพื่อน หาที่บ้าน คุยกับน้องสาว คือแอบทำกับ ล. หมดเลยใช่มั้ยวะ เค้าสารภาพว่าทุกครั้งที่บอกว่ากลับไปนอนบ้านคือไปอยู่กินที่ห้อง ล. เราถามถึงอนาคตที่เค้าบอกจะสร้างครอบครัว รู้มั้ยคะว่าเค้าตอบกลับมาว่าอะไร เค้าตอบกลับมาว่า “ก็ใช่ไงจะสร้างครอบครัว แต่ไม่ได้บอกว่าสร้างกับเธอ” ถ้าคุณคิดว่านี่สารเลวแล้ว ไม่ค่ะ ยังเลวได้กว่านี้คือมันสองคนบอกเลิกเราเพื่อจะแต่งงานกันเพราะ ล. ท้อง มันบอกว่าตั้งใจท้องเพื่อจะได้ตัดเราออกไปง่ายๆไม่ยืดเยื้อ แฟนที่คบมา 4 ปียังไม่เจ็บเท่าเพื่อนสนิทเกือบ 10 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวอยู่เคียงข้างกันมาช่วงชีวิตนึงทำกันลงได้ยังไง แล้วไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผิดผ่านสายตา ไม่มีน้ำตาซักหยด ไม่มีคำว่าขอโทษจากปากมัน มีแต่คำว่า “ก็เมิ-งไม่ใช่ เค้าก็ต้องเลือกคนที่ใช่ นี่ช่วยให้เมิ-งไม่โง่ไปกว่านี้ปะ” คำพูดแต่ละคำเหมือนมันไม่เคยมีเราเป็นเพื่อน เพื่อนที่มันเคยบอกว่ารักมากขาดกันไปจะอยู่ยังไงอย่างนั้นอย่างนี้ เหอๆๆ

 

แล้วเรื่องที่ ล. ท้องนี่ทำให้เราตาสว่างอีกเรื่องเลยค่ะ ว่าที่คิดมาตลอดว่าเค้ารักเรามากเลยไม่แตะต้องเพราะรอวันแต่งงาน ที่จริงเค้าไม่ได้ให้เกียรติค่ะเค้ารังเกียจ!! ทำผู้หญิงสภาพอย่างเราไม่ลง

ช่วง 2-3 เดือนแรกเราเหมือนคนบ้าอ่ะร้องไห้ทุกวันปล่อยตัวเองโทรมจนสภาพไม่ใช่คน เพื่อนกลุ่มมหาลัยเราตัด . ออกจากกลุ่ม ไม่มีใครรับได้หรอกค่ะมันจะหาใครเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็เรื่องของมัน เราบล็อคทั้งคู่ทุกช่องทางไม่อยากแสลงตา ลาออกจากงานโดยที่ยังไม่มีที่ทำงานใหม่รองรับ เราทนเห็นหน้าเค้าไม่ได้ ทนอยู่ในที่เดิมๆไม่ได้มันนึกถึงภาพนู้นนี้ไปหมดเอะอะน้ำตาไหลนั่งเหม่อไม่มีสติจะทำงาน

พอออกจากงานก็กลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด เล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง แม่ก็เข้าใจแล้วบอกให้เราพักที่บ้านก่อนยังไม่ต้องหางานทำเพราะอารมณ์และสติเรามันทำไม่ได้ จนวันนึงพ่อเราเดินมาหาบอกว่าพ่ออยากคุยด้วย ปกติพ่อเราเป็นคนนิ่งๆค่ะ ไม่ดุแต่ก็ไม่ตามใจและมีเหตุผล ตั้งแต่เด็กพ่อจะสอนเราแบบให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง พ่อเชื่อว่าถ้าเราได้ลองผิดพลาดเราจะรู้ว่าต้องยืนยังไง พ่อบอกเราว่าวันนี้เรากำลังตกอยู่ในความรู้สึกผิดพลาด เหมือนตอนเด็กๆที่พ่อสั่งไม่ให้เราเล่นประทัด แต่เราแอบไปจุดกับเพื่อนแถวบ้านจนเศษประทัดกระเด็นเข้าขาเป็นแผลแสบ เราร้องไห้ใหญ่ พ่อบอกว่าตอนนี้เรากำลังเป็นแผลจากประทัด ถ้าลูกไม่ยอมใส่ยา ไม่รักตัวเอง ลูกก็จะไม่หาย แผลก็จะยังเจ็บต่อไป ประโยคเรียบๆแต่ให้พลังเรายิ่งใหญ่มาก

ตั้งแต่นั้นเราลุกขึ้นมาส่องกระจกหันมามองตัวเองอีกครั้งว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง โทรมเหมือนโดนของเข้า สิวเกรอะกรังเหมือนคนสกปรก ตัวอ้วน ใส่แต่ชุดนอนเพราะไม่อารมณ์จะทำไรทั้งนั้นทุกอย่างดูแย่ไปหมด

 

 

 

ราขอโทษตัวเองในใจแล้วตั้งใจหันมาดูแลตัวเองค่ะ เริ่มจากออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ วิ่งแถวบ้านทุกวัน เราชอบออกมาวิ่งตอนเช้าประมาณ 6 โมง – 6 โมงครึ่งค่ะหรือไม่ก็เย็นๆซัก 5 โมงกว่า อากาศกำลังดี บรรยากาศก็ดี วิ่งสบายๆ ไม่ใช่แค่ลดน้ำหนัก แต่เรารู้สึกว่าเวลาวิ่งสมองเราโล่งขึ้น ไม่เอาแต่คิดถึงเรื่องแย่ๆ จิตใจเราได้พัก ส่วนเรื่องอาหารการกินเรากินตามปกตินะคะ แค่ตามใจปากน้อยลง กินข้าวเป็นมื้อๆไม่สักแต่กินประชดเพื่อแก้เครียดเหมือนเมื่อก่อน
ต้องขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายความเปลี่ยนแปลงละเอียดๆนะคะไม่คิดว่าตัวเองจะมาไกลจนได้ตั้งกระทู้ไรแบบนี้จริงๆ

 

 

นี่คือหุ่นปัจจุบันเราค่ะลดไป 10 กว่าโลโดยประมาณ ทุกวันนี้ได้หุ่นที่พอใจเราก็ยังไปวิ่งตามสวนสาธารณะอยู่เลย รู้สึกเสพติดการวิ่งไปแล้ว

 

 

ตอนนี้ก็ซิทอัพวันละ 30 ครั้งลดหน้าท้องไปด้วย ตอนนี้พอใจในสัดส่วนเท่านี้แล้วค่ะ

 

ส่วนเรื่องหนังหน้าเราก็ดูรีวิวไปทั่ว มีทั้งเรื่องสิว ความชุ่มชื้น ไวท์เทนนิ่ง มาส์ก สารพัด ไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ เมื่อก่อนทาว่านหางจระเข้อย่างเดียวแล้วนอนตอนนี้ครีมเป็นกระบุง

 

 

สภาพก่อนปฏิวัติตัวเอง

 

 

เห้อออออออ

 

อันนี้คือสกินแคร์ที่เราใช้มาจนถึงตอนนี้ค่ะ

 

 

 

เราเป็นสิวอุดตันกับสิวอักเสบเยอะมากๆเพราะเมื่อก่อนเราไม่ค่อยรู้วิธีดูแลตัวเอง เคยอ่านรีวิวในพันทิพเค้าว่าขั้นตอนสำคัญสุดของการกำจัดสิวคือเช็ดหน้าให้สะอาดที่สุดค่ะ เราก็ไปเลือกๆได้ของบีเฟสต้าสูตรสำหรับคนเป็นสิวมา ใช้ดีไม่แสบ สิวลดลง ส่วนที่ล้างตากับปากก็เมเบอลีนถูกและล้างดี โฟมล้างหน้าเราเลือกแบบเจลค่ะเภสัชแนะนำว่าเหมาะกับคนเป็นสิว แอคเน่เอดสีแดงคนรีวิวเยอะดีนะสิวลดลงหน้าไม่แห้งค่ะ

 

พวกสิวอักเสบเราใช้คลินด้าเอ็มแต้ม ส่วนสกินอเรนใช้ทาบางๆทั้งหน้าเฉพาะก่อนนอนให้ดันสิวอุดตันขึ้นมาก็ต้องอดทนรอให้มันผุดขึ้นมาหน่อยอีกข้อดีคือมันช่วยลดรอยดำด้วย แต่เราก็ทาสมูทอีช่วยอีกแรงเพราะรอยดำเยอะมากๆ ส่วนครีมบำรุงเราใช้บิวตี้ไอดอลค่ะ เป็นน้ำนมลาใช้แล้วหน้านุ่มช่วยเรื่องจุดด่างดำจางไวขึ้นหน้าหายคล้ำ ถ้าใช้พวกรักษาสิวผิวจะแห้งมากๆเรากัดฟันลงทุนซื้อคีลส์ค่ะคุณภาพดีสมราคาใช้แล้วผิวเราชุ่มชื้นดูเต่งตึงขึ้น สำคัญมากอย่าลืมโบกกันแดดทุกวันด้วยเราใช้บีโอเรซึมไวไม่เหนอะหนะ

 

 

ผ่านไปประมาณ 2 เดือนหน้าเริ่มดีขึ้นเยอะ มีไปกดสิวที่คลีนิกบ้างเพราะอยากหน้าเรียบไวๆ แต่เราแค่ไปกดนะคะไม่ใช้ครีมเค้ากลัวเลิกใช้แล้วสิวกลับมาเห่อ

 

 

 

ส่วนพวกมาส์กหน้าที่ใช้แล้วเห็นผลมีอยู่ 3 ตัวค่ะ ของลอรีอัลเป็นโคลนมาส์กเราใช้ทำความสะอาดรูขุมขน ยิ่งเราวิ่งตามถนนกลัวสกปรกอุดตันผิวก็ใช้ตัวนี้ช่วย ของบิวตี้ไอดอลอันนี้ก็ดีค่ะใช้แล้วหน้าไบรท์ขึ้นผิวนุ่มเด้งดี รู้สึกว่าใช้คู่กับตัวเอสเซ้นส์แล้วรอยสิวยิ่งจางไว ส่วนวิชชี่ช่วยให้หน้าดูกระจ่างใสค่ะนอนตื่นมาหน้าจะตื่นๆไม่โทรม

 

 

หน้าขาวขึ้น ผิวหน้าเรียบขึ้นมากเพราะสิวทยอยยุบและกดออกแต่ยังทิ้งรอยสิวไว้เต็ม

 

 

ประมาณ 4-5 เดือนได้ค่ะ มีสิวใหม่แอบขึ้นบ้างไม่กี่เม็ดแต่รอยดำเหลือน้อยแล้วหน้าดูขาวใสขึ้นเยอะ

 

 

ผิวหน้าปัจจุบันยังกะคนละคน555 ขาวขึ้นใสขึ้นไม่ต้องโบกรองพื้นหนาๆอย่างเมื่อก่อน ประหยัดเวลาแต่งหน้าประหยัดค่ารองพื้นปัดแป้งฝุ่นเดินออกจากบ้านยังได้ ใช้ชีวิตง่ายมาก

 

 

ผิวตัวที่ขาวขึ้นเพราะเราใช้โลชั่น 2 ตัวพร้อมกัน ย้ำว่าพร้อมกันเลยค่ะ โบกเภสัชไปก่อนเพราะซึมไวไม่เหนอะแล้วตามด้วยการ์นิเย่ บอกเลยว่าเราปั๊มเยอะมากๆ อยากให้ผิวมันเท่ากันไวๆ แล้วก็สครับตัวด้วยมะขามค่ะ ราคาไม่แพงใช้ดี ช่วยขัดให้ผิวเนียนขึ้นใสขึ้น

 

 

บวกกับมีกินวิตามินเสริมด้วย เรากินแนทซีคู่กับรวมเบอร์รี่ของบีไชน์ค่ะ ก็รู้สึกว่าช่วยให้ผิวใสไวขึ้นอยู่เหมือนกัน

 

 

หลังจากผ่านมา 1 ปี นี่คือปัจจุบันของเราค่ะ รักสวยรักงามเรียนแต่งหน้าจากยูทูป มีความสุขกับการดูแลตัวเองมาก

 

เราอาจจะไม่ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นคนสวยที่ทุกคนต้องร้องว้าว แต่เรามั่นใจขึ้น ภูมิใจในตัวเองมากขึ้น รักตัวเองแบบที่ไม่เคยรัก พูดแบบไม่โลกสวยเลยว่าตั้งแต่เราเป็นคนใหม่เราได้รับโอกาส ได้รับสิ่งดีๆมากขึ้น เราไม่ได้จะหมายความว่าทุกคนบนโลกนี้ต้องเลือกปฏิบัติจากความสวย แต่ตอนเราน่าเกลียดเราเคยโดนแซวแรงๆ โดนดูถูก โดนให้ทำอะไรหนักๆโดยที่ไม่มีใครคิดจะช่วย ตัดภาพมาที่ปัจจุบันที่มีแต่คนชวนคุย ชวนไปเที่ยว เสนอช่วยงาน อื้มมมก็ทำให้เราได้มองเห็นอะไรหลายๆอย่าง ตอนนี้เรามีความสุขดีทั้งเรื่องครอบครัว การงาน และความรัก.. ใช่ค่ะ เรากำลังตัดสินใจจะเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับผู้ชายคนนึง คนที่หลงรักเราตั้งแต่ขี้เหร่โดยที่เราไม่รู้ คนที่ติดต่อกันมาเรื่อยๆโดยที่คิดว่าเค้ามองเราเป็นเพื่อน เค้าอยู่เคียงข้างในวันที่เราล้มเป็นอีกแรงที่ช่วยพยุงให้เราลุกขึ้น ยอมรับว่าใจนึงเรากลัวค่ะอดีตยังตามหลอกหลอน แต่เราขอเลือกที่จะเปิดใจให้โอกาสตัวเองและเค้าได้พิสูจน์ถ้ามันจะเจ็บอีกเราก็จะยอมรับมัน เพราะถ้าใครซักคนเข้ามาแล้วเค้าเป็นคนที่ใช่มันคงน่าเสียดายถ้าเราปล่อยเค้าให้หายไป

ใครที่กำลังจมปลักอยู่กับความทรงจำในอดีต ลืมคนเก่าไม่ได้เอาแต่ร้องไห้ หยุด แล้วตั้งสติค่ะ เดินออกมาจากจุดนั้นได้แล้ว คุณมีค่ามากพอที่จะคู่ควรกับความรักดีๆ

สุดท้ายเราอยากขอบคุณพ่อกับแม่และเพื่อนๆทุกคนที่อยู่เคียงข้างในวันที่เราแทบไม่เหลือชิ้นดี เราโชคดีที่มีคนที่รักรายล้อมจนตั้งหลักได้ ขอบคุณ ช.กับ ล. ด้วย ที่สอนบทเรียนชีวิตครั้งสำคัญให้เรา บทเรียนที่เราคิดว่ามีแต่ในละคร บทเรียนที่ทำให้เราอยากเปลี่ยนตัวเองจากคนไร้ค่าให้กลับมามีค่ากว่าเดิม ยังไงก็ขอให้มีความสุขมากๆ ครองรักกันไปนานๆ ยินดีด้วยกับความรักที่สมหวัง ตอนนี้เราเดินมาไกลเกินกว่าจะหันไปแค้นพวกคุณแล้ว โชคดี 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: