เพราะความจนทำให้สาวบอกแฟนขับรถไปส่งที่โรงแรมในพัทยา สุดท้ายสามีทนไม่ไหว ตัดสินใจทำในสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล!!





 

แบ่งปันเรื่องราวจากเฟซบุ๊ก Aubonrat Seesoongnern 

ฝ้ายเริ่มโตขึ้นมาเรื่อยๆก็ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯด้วยการติดรถกระบะคนที่บ้านนอกมา กระบะสมัยนั้นถ้ามากรุงเทพฯเขาจะทำเป็น2 ชั้นเพื่อให้ใส่ของใส่คนได้เยอะๆ ฝ้ายกับแม่จะอยู่ชั้นบนคือนั้งแบบตัวชิดกันขยับแทบไม่ได้ตลอดทางเพราะมันแคบมาก มีทั้งรถมอไซส์กระเป๋าหม้อหุ่งข้าวทุกอย่างจิปาถะที่เขาขนกันมา เราเป็นคนอาศัยก็บ่นไม่ได้ จำได้ว่าระหว่างทางฝ้ายปวดฉี่มากแต่แม่บอกอดทนเอาเดียวก็ถึง นอนอีกตื่นก็จะได้เจอพ่อ (พ่อที่มาอยู่ก่อนแล้ว) สุดท้ายทนไม่ไหวต้องนอนฉี่ใส่ผ้าขนหนูของแม่ จนแล้วจนรอดก็ถึงกรุงเทพ ดิ้นรนความลำบากอยุ่บ้านนอกมาต่อสู้ในเมืองหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น แต่สุดท้ายก็แย่กว่าเดิม ต้องนอนข้างถนนเพราะแม่รับจ้างปูตัวหนอนที่พื้นบนทางเท้าแถวบางปะกง อดมื้อกินมื้อกินของเหลือจากนายจ้าง ของเล่นฝ้ายตอนนั้นคือก้อนหินก้อนทราย ใบไม้ใบหญ้า ตุ๊กตาไม่เคยรู้จักที่นอนคือกระดานแข็งๆที่แคมป์คนงาน พ่อย้ายงานไปแต่ละที่ก็ต่างกันบางครั้งหนักสุดคือการได้นอนใต้สะพานเพราะแคมไม่เสร็จ พ่อกับแม่ผลัดกันพัดยุงให้ตอนกลางคืน เพราะมันไม่มีที่ตอกตะปูมัดสายมุ้ง เป็นการย้ายบ้านย้ายงานแบบเสื่อผื่นหมอนใบมาตลอด

 

 

โตมาหน่อยจำได้เลยช่วง ป.4 พ่อเริ่มได้ทำงานกับโรงงานที่ทำเฟอร์นิเจอร์ ก็เลยต้องเช่าบ้านอยู่ เป็นชุมชนแถวพระราม2 เช่าห้องอยู่เดือนละ350บาทมีค่าน้ำหัวละ30 เป็นห้องน้ำรวม พื้นห้องติดกับน้ำครำ ฝนตกหรือน้ำคลองขึ้นทีไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลิ่นส้วมแตกดีๆนี้เอง พ่อทำงานทุกวันพอสิ้นเดือนก็ไม่เคยมีเงินเหลือพอจ่ายค่าเช่าเพราะหักเบิกหักหนี้ วันหยุดพ่อก็เลยต้องรับงานทุกอย่างเพิ่ม ได้เห็นได้จำในสิ่งที่พ่อทำในช่วงนี้ ไปรับจ้างตักอุจจาระที่ล้นมาจากชักโครกบ้านคนรวย รับจ้างทำความสะอาดตึกเก่าให้ใหม่เวลามีคนมาเช่า ได้เงินมาทีร้อยกว่าบาท ซื้อปลาทูมาถอดกินกับข้าวได้3วัน ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวกิน3คน พ่อกับแม่ให้เรากินเนื้อกะเส้นเหลือน้ำ พ่อกะแม่ใช้คลุกข้าวกิน ช่วงนั้นคือเป็นอะไรที่เริ่มรู้ว่าทำไมชีวิตต้องจำกัดขนาดนี้ เรียนหนังสือก็ได้ย้ายโรงเรียนบ่อย จนสุดท้ายก็ไม่จบม.2 เพราะที่ทำงานแม่ย้ายไปใหม่ไม่มีโรงเรียน แม่เลยต้องไปขอครูให้เราไปอยู่ด้วยขอให้เรียนจบม.3 แต่เราไม่ยอมขอตามแม่ตัดสินใจไม่เรียนขอทำงาน ทุกๆความลำบากแม่งฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราทุกช่วงเวลา พอออกจากโรงเรียนเราก็ช่วยทำงานเฟอร์นิเจอร์กับแม่มีรายได้อาทิตย์ละ300-400 กว่าบาท

 

 

สิ่งที่อยากได้อยากมีตอนนั้นคือที่นอนของตัวเอง ผ้าห่มสวยๆ ชุดนอนดีๆแค่นั้นเพราะเราไม่เคยมี ที่รู้จักที่นอนคือมีมุ้งหมอนและเสื่่อ  เริ่มผ่อนอาบังวันละ20-40บาท หรือส่งเป็นอาทิตย์ละ250-300 บาท ทำงานผ่อนเอง อยากได้อะไรซื้อเอง และความฝันก็เริ่มขยายออกไป คืออยากมีบ้านสวยๆอยู่ อยากมีห้องส่วนตัวไม่อยากนอนในมุ้งเดียวกับแม่แล้ว อยากไปเที่ยวทะเล อยากขึ้นเครื่องบิน อยากให้พ่อแม่สบาย ตะเกียดตะกายฝันกระเสือกกระสนทำทุกวิถีทางให้ชีวิตดีขึ้น จนมาพัทยาที่เขาบอกว่ามีผัวฝรั่งแล้วจะรวยพ่อแม่จะสบาย แต่สุดท้ายก็มีเจอสามีคนปัจุบัน รู้จักกันตอนอายุย่าง17ปี ระหว่างรู้จักกันก็มีเรื่องราวมากมายแต่ไม่ขอลงรายละอียดตรงนี้ จนถึงวันที่แต่งงาน แม่เขาก็ไม่ได้ปลื้มเราเลย บอกว่าเราเป็นผู้หญิงกลางคืนไม่ใช่คนดีอะไร แต่เราก็เข้าใจเพราะสามีเราเป็นลูกชายคนเดียวเขาก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา

 

 

 

 

 

 

อยู่ด้วยกันมา4ปีจนมีลูกคนแรก ด้วยแฟนกับเราทำงาน2คนรวมกันเงินเดือนหมื่นบาท แน่นอนคือมันไม่พอที่จะเลี้ยงลูกโต เราเลยคุยกันที่จะขายของตลาดนัดเพราะได้เงินทุกวัน ลงทุนขายขนมจีนครั้งแรก2,000บาท ซื้อหม้อ เต่าถ่านไว้อุ่นน้ำยาถาดใส่ผัก ถุงอุปกรณ์ต่างๆ เราขายขนมจีนน้ำยาชุดละ20บาท บางวันขายหมดได้เงิน800บาทหักกำไรต้นทุนจะเหลือยู่300กว่าบาท ถ้าวันไหนขายไม่ได้ก็ขาดทุน ขนมจีนน้ำยาที่เหลือนั้นคือกับข้าวมื้อเย็นและน้ำยาคลุกข้าวเป็นข้าวกลางวันก่อนออกตลาดตอนบ่าย2 เก็บเงินส่วนนึ่งไว้ซื้อผ้าอ้อมลูก เสื้อผ้าลูก ขายของตลาดจนท้องโต ชนิดที่เดินหลังแอ่นฝนตกฟ้าร้องก็ต้องทนจนคนทั้งตลาดสงสารและทุกวันตอนเก็บตลาดก็จะมีผักขนมกับข้าวเขาก็จะให้มาเพราะขายไม่หมดเราก็จะแลกโดยการตักขนมจีนที่ขายนั้นละคะแทนน้ำใจที่เขาแบ่งปันเรา

 

 

ขายจนคลอดลูกพอคลอดสุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนอาชีพเพราะมีเหตุแฟนเลยให้เราเลี้ยงลูกที่บ้าน ส่วนเขาทำงานห้างเหมือนเดิม อยู่มาๆเราก็เรียนรู้การใช้คอมของแม่สามีตอนเวลาลูกหลับ เห็นเขาขายของจีนเป็นสินค้านำเข้าเลยสนใจเลยเริ่มต้นเป็นตัวแทน เดือนแรกได้กำไรพันกว่าบาทคือดีใจมากมีรายได้มาช่วยแฟน ขายมาเรื่อยๆจนหลักพันมาเป็นหมื่นเป็นแสนในระยะเวลาแค่ 6 เดือน จนตัดสินใจนำเข้าเองมียอดขายหลายแสนบาทต่อเดือนแต่นั้นคือจุดเริ่มต้นของปัญหาครั้งใหญ่ในชีวิต ชิปปิ้งที่นำเข้าสินค้าให้เราเขาบอกว่าปล่อยเครดิตให้เราโดยที่เราไม่รู้อยู่มาเป็นหนี้ยอดประมาณ 4แสนบาท คือตอนนั้นเรางงมาก สับสนอะไรยังไงเงินก็จ่ายทุกครั้ง แถมสินค้าล๊อตล่าสุดก็อยู่ที่เขาเราเลยต้องจ่ายไปเท่าที่เรามีและไปยืมเขามาเพิ่มด้วย

 

 

แต่ก็มีปัญหาอีกคือสินค้าที่ได้มาไม่ครบที่ลูกค้าสั่ง เราต้องโอนเงินคืนลูกค้าเพิ่มเติมเป็นเงินกว่า3แสนบาท ตัดสินใจยื่นกู้แบงค์ได้เงินมาโอนคืนลูกค้าจนไม่เหลือเงินแม้กระทั้งจะกินข้าว ซ้ำแล้วซ้ำอีกถัดมาไม่นานนำเข้าสินค้าอีกตัว มีลิขสิทธ์มาตรวจยึดของเราถึงบ้านทำให้เสียทั้งของเสียทั้งเงิน ตอนนั้นมีหนี้เกือบล้านบาท เชื่อมั้ยคือก็ยังโอเคมองหน้าลูกกูจะสู้  แต่จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ ..แม่สามีไล่เราออกจากบ้านและให้สามีเราเลือกว่าจะอยู่กับแม่หรือเมีย เราไม่รอเลยค่ะขนเสื้อผ้าอุ้มลูกออกมาเลยมีเงินติดกระเป๋าอยู่20 บาท ร้องไห้หนักมากสามีก็ไม่ได้ตามมานะวันแรกและเขาเลยบอกกับแม่ว่า “แม่กับเมียผมเลือกไม่ได้หรอก เพราะมันคนละคน แต่ตอนนี้ผมขออยู่กับเมียเพราะผมมีลูก ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มาอยู่กับเรา เราเองก็ไม่เคยห้ามแม่ลูกเขาไปหากันเขาก็พาหลานไปหาย่า เราใช่ชีวิตแบบปกติแฟนขับวินมอเตอไซค์ เราก็ขายของจากของที่เหลือจากนำเข้า ได้บ้างไม่ได้บ้างขับวินก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง

ตอนนั้นลูก3ขวบคือต้องเข้าอนุบาล เราเองอยากให้ลูกเข้าเตรียมอนุบาลที่ดีๆ ไม่ใช่โรงเรียนวัดเหมือนเรา ซึ่งค่าเทอมมันก็เกือบ5พันบาทแต่ตอนนั้นก็ไม่มีปัญญา  ตัดสินใจคุยกับแฟนยอมที่จะขายตัวเพื่อจะเอาเงินมาเป็นค่าเทอมลูก แฟนขับรถพาเราไปส่งที่โรงแรมในพัทยา ส่งแล้วเขาก็ขับรถออกไป ด้วยความที่เราตัดสินใจแล้วถึงแม้ข้างในมันจะร้าวจนแทบร่างกายจะแตกสลาย เราก็ต้องทำ ฝรั่งพาเราไปนั้งดื่มที่บาร์หน้าโรงแรมคุยกันซักประมาณ 20 นาที มีสายเข้ามาคือสายของสามีเราเขาพูดกับเราว่า … กลับบ้านเราเถอะ!!! เชื่อไม่ว่าพอเราได้ยินคำนั้น น้ำตาเราไหลแบบอัตโนมัติเลย เขาบอกว่าเขาทนไม่ได้ที่จะให้เราทำแบบนั้น จะอดจะยากดีมีจนเราก็ต้องอดทนด้วยกัน (แล้วมารู้ทีหลังว่าเขาแอบดูเราตรงข้ามโรงแรม) พอกลับถึงบ้านเขากอดเราร้องไห้แล้วขอโทษ ตั้งสติได้อีกครั้ง ให้สามีกู้เงินดอกร้อยละ20 ขับวินส่งดอกทุกวัน มาเพื่อลงทุนทำธุรกิจเริ่มต้นจากน้อยจนเพิ่มมากขึ้น ชีวิตก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมา 4 ปี แต่มันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เพราะคิดได้ครั้งไหนก็ร้องไห้ได้ทุกครั้ง ถ้าวันนั้นเรานอนกับฝรั่งชีวิตวันนี้จะเป็นยังไง !!

ปัจจุบันฝ้ายทำธุรกิจเองคนเดียวทุกอย่างคิดเองทำเองไม่มีจ้าง นอกจากการผลิตสินค้า สู้ทุกอย่างมาคนเดียวถึงแม้มีคนว่าเรา จบมาแค่นี้ความรู้แค่นี้จะไปได้แค่ไหนกัน อยากให้คนที่เคยดูถูกเรามาเจอเราในวันนี้… จากเรียนจบแค่ม.2 จากเงินหลัก20บาทวันนั้นวันที่โดนไล่ออกจากบ้าน จนถึงตอนนี้ชีวิตเหมือนความฝัน มีทุกอย่างพร้อมครบมีลูกชาย3คน ดูแลพ่อแม่ได้ซื้อบ้านซื้อรถให้มีเงินเดือนให้ทุกเดือน จากที่ไม่มีแม้บ้านอยู่จนตอนนี้มี3หลัง จากที่ต้องอาศัยรถเขาตอนนี้มี3คัน จากที่ต้องกินเนื้อเงาะที่ติดจากเปลือกก็สามารถกินผลไม้นำเข้าได้แบบสบายๆ

 

 

ชีวิตที่ผ่านมากว่า 31 ปี เรียนรู้ได้มากมายว่าอย่ามองหาสิ่งที่ขาดแต่จงมองเห็นสิ่งที่มี เพราะสิ่งที่เรามีจะเป็นแรงผลักดันให้เราต่อสู้ในทุกสิ่ง อย่ามั่วคิดว่าทำไมเกิดมาชีวิตไม่ดีเหมือนคนอื่น จงสู้ต่อไป ต่อให้เหนื่อยยากลำบากแค่ไหน ไม่มีอะไรที่เกินไปกว่ามนุษย์จะทำได้ สติ ปัญญา นั้นสำคัญในระหว่างทางที่เดิน มีความพยายามแต่ไร้สติ ย่อมเดินหลงทาง มีความพยายามมีสติแต่ไม่มีปัญญา มักขว้าความสำเร็จไว้ไม่อยู่… เมื่อเกิดมาแล้วเราไม่จำเป็นต้องมีอะไรที่เหมือนคนอื่น แต่ถ้าเราเกิดมาแล้วพร้อมความจนเราจำเป็นต้องมีหัวใจที่แข็งแรงกว่าคนอื่น

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณเรื่องราวจากเจ้าของ เฟสบุค Aubonrat Seesoongnern

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: