จาก’ลูกจ้าง’สู่’จุดสูงสุดของทหารนักกฏหมาย’…เปิดประวัติเจ้ากรมพระธรรมนูญ’เสธ.ตุ่ม-พล.ร.อ.ปรีชาญ จามเจริญ’





 

16 ก.ย.60 เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam นักข่าวสายทหารได้โพสต์ประวัติของ "เสธ.ตุ่ม-พล.ร.อ.ปรีชาญ จามเจริญ" ซึ่งมีเรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนสู้ชีวิต

ชีวิต ไม่ใช่ละคร….
จาก "ลูกจ้าง" 
สู่ "จ่าตรี" 
สู่ "พลเรือเอก" 
สู่ จุดสูงสุดของ ทหารนักกฏหมาย

ชีวิต ไม่ใช่ละคร แต่ชีวิตบางคน ก็ประหนึ่ง ละคร…..ใครจะคาดคิดว่า จากลูกจ้างประจำ หรือ คนงาน แผนกช่างปรับภายใน กรมอู่ทหารเรือ เท่านั้น….

แต่เพราะไม่ยอมแพ้ ต่อโชคชะตา รวมทั้งความมานะอดทน ขยันในการศึกษาใฝ่หาความรู้

ไม่ว่าจะยากจน แทบไม่ได้เรียนต่อ ต้องเรียนไปทำงานไปด้วย. หารายได้พิเศษ ทั้งการขายไอติม. เก็บเศษเหล็ก เศษอะลูมิเนียม ชกมวยหรือแม้แต่ไปเป็นลูกเรือประมง

แต่ในเส้นทางเดินชีวิตไม่เคยทิ้งการเรียนไม่ว่าจะแทบไม่มีเงินเรียน หรือไม่มีเงินทานข้าว ฮึด สู้ชีวิตมาตลอด

ด้วยความกตัญญูรู้คุณ พ่อแม่
และด้วยความรักดี
รวมถึงโชคชะตา ฟ้ากำหนด ทำให้ได้ช่วยเหลือผู้คน แล้วคนที่เคยช่วยเหลือก็กลับมาช่วยเหลือตัวเขา

ตอนเป็นช่าง ก็ช่วยคนอื่น ซ่อมแซมทุกอย่างที่ถูกร้องขอ

พอมาเรียนกฎหมายก็ใช้วิชาความรู้กฎหมายช่วยแนะนำ และต่อสู้คดีให้คนที่เดือดร้อนจนกลายเป็นที่รักของทุกคน

จึงทำให้วันนี้ บิ๊กตุ่ม พลเรือโท ปรีชาญ จามเจริญ. ก้าวสู่จุดสูงสุดของวิชาชีพ. ได้เป็นพลเรือเอก เป็น "เจ้ากรมพระธรรมนูญ"

จากนักเรียนโรงเรียนวัด เพราะชั้นประถมที่โรงเรียนวัดดอนยาง ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

พลเรือโท ปรีชาญ มาเรียนต่อ ชั้นมัธยมโรงเรียนศรียาภัย จังหวัดชุมพร ชั้น มศ.1 แล้วย้าย มาโรงเรียนบางสะพานวิทยา ชั้นม.ศ.2-ม.ศ.3

แล้ว สอบเทียบมัธยมศึกษาตอนปลาย ม.ศ.5 ของกระทรวงศึกษา ที่โรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์

จากนั้น มาเรียนปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่รู้กันดีว่าต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการเอาชนะตัวเองเพื่อเรียนให้จบ

แต่ไม่พอ เรียนต่อ ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เรียกได้ว่าชีวิตนี้มีแต่การเรียนควบคู่ไปกับการทำงาน โดยไปศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎี สาขาวิชาการบริหารการพัฒนา แขนงวิชาบริหารงานยุติธรรม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา

ไม่ใช่แค่การศึกษาแบบพลเรือนเท่านั้นแต่ในด้าน หลักสูตรทางทหาร พลเรือโทปรีชาญ ก็ต่อเนื่อง

ตั้งแต่ เข้ารับการศึกษาโรงเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือ ในหลักสูตรช่างต่อเรือ และ เข้ารับการฝึกอบรมวิชาทหาร โรงเรียนพลทหาร กรมยุทธศึกษาทหารเรือ

เลื่อนฐานะจ่าชั้นเอก โรงเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือ
หลักสูตรนักเรียนพันจ่า รุ่นที่ 4 โรงเรียนพันจ่า กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
หลักสูตรนายทหารสัญญาบัตรชั้นต้น รุ่นที่ 14โรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญ กรมพระธรรมนูญ 
หลักสูตรส่งทางอากาศ นาวิกโยธิน รุ่นที่ 14 โรงเรียนทหารนาวิกโยธิน กรมนาวิกโยธิน
หลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ รุ่นที่ 54โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ
หลักสูตรตุลาการพระธรรมนูญ รุ่นที่7โรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญ กรมพระธรรมนูญ
และ ได้เรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 57 สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ด้วย

นอกจากนี้ ยังศึกษา หลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 62สถาบันพัฒนาข้าราชการกรมตำรวจ และ นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง รุ่นที่ 4 อสถาบันการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (นยปส. รุ่นที่ 4),หลักสูตรนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย ของศาลรัฐธรรมนูญ (นธป.4)

ทั้งการทำงานและเรียนเพิ่มเติม และยกระดับวิทยฐานะ ทำให้เลื่อนยศทหาร เร็ว
ในปี พ.ศ.2520 เป็น จ่าตรี
พ.ศ.2521 เป็น จ่าโท
พ.ศ.2521 เป็น จ่าเอก
พ.ศ.2526 เป็น พันจ่าเอก
พ.ศ.2527 เป็น เรือตรี
พ.ศ.2528 เป็น เรือโท
พ.ศ.2533 เป็น เรือเอก
พ.ศ.2534 เป็น นาวาตรี
พ.ศ.2537 เป็น นาวาโท
พ.ศ.2542 เป็น นาวาเอก
พ.ศ.2543 เป็น นาวาเอกพิเศษ
พ.ศ.2555 เป็น พลเรือตรี
พ.ศ.2557 เป็น พลเรือโท
พ.ศ.2560 เป็น พลเรือเอก

ที่สำคัญคือจากการเป็น ลูกจ้างประจำ
ตำแหน่งเจ้าหน้าที่การอู่ กองเรือลำน้า กองเรือยุทธการ

ก็ได้เติบโตเจริญก้าวหน้ามาด้วยการเรียนรู้การศึกษาเพิ่มเติม จนได้เป็ นายทหารพระธรรมนูญแผนกสืบสวนสอบสวน กองพระธรรมนูญ กรมสารบรรณทหารเรือ

รักษาราชการนายทหารพระธรรมนูญ กองการฝึกกองเรือยุทธการ
รักษาราชการนายทหารพระธรรมนูญ แผนกพระธรรมนูญ กองกำลังพล ฐานทัพเรือสัตหีบ
รักษาราชการนายทหารพระธรรมนูญ กองกำลังพลและธุรการ กรมการขนส่งทหารเรือ

นายทหารพระธรรมนูญ กรมสารวัตรทหารเรือ
ประจำกรมกำลังพลทหารเรือ เพื่อเข้ารับการอบรมหลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ

จากนั้น มาเป็น นายทหารกิจการพลเรือน กองกิจการพลเรือน กองบังคับการกองเรือภาค 2 โดยปฏิบัติหน้าที่นายทหารพระธรรมนูญด้วย

และเป็น นายทหารกิจการพลเรือน กองกิจการพลเรือน กองเรือภาค 3 โดยปฏิบัติหน้าที่นายทหารพระธรรมนูญ และได้รับมอบหมายเป็นนายทหารประชาสัมพันธ์ด้วย

และเป็น รองผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน กองเรือภาค 3 โดยปฏิบัติหน้าที่นายทหารพระธรรมนูญ และได้รับมอบหมายเป็นนายทหารประชาสัมพันธ์ด้วย

ก่อนขยับไปเป็น ฝ่ายเสนาธิการประจา รองปลัดกระทรวงกลาโหม และ หัวหน้าสานักงานสงเคราะห์ทางกฎหมายกรมพระธรรมนูญ ,รองผู้บัญชาการโรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญ, อัยการฝ่ายอุทธรณ์และฎีกา สานักงานอัยการทหาร กรมพระธรรมนูญ, ตลุาการพระธรรมนูญประจำสานักตุลาการทหา เป็น ตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกรุงเทพ และ ตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกลาง

และ เป็น หัวหน้าสานักตุลาการทหาร และตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารสูงสุด ก่อนขึ้นเป็น เจ้ากรมพระธรรมนูญ 1ตค.2560 นี้

นอกจากนี้ ยังเป็น นายทหารพิเศษ ประจำกรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์และ ราชองครักษ์เวร

ได้รับ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทั้ง มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.), ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.) , เหรียญพิทักษ์เสรีชน และ เหรียญราชการชายแดน

พลเรือโทปริชาญ จึงเป็นตัวอย่างของทหารที่พัฒนาตัวเอง และมีความพยายามมาตลอด

อีกทั้งเป็นคนใจกว้าง มีอัธยาศัยดีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เพื่อนรัก นายดึง ลูกน้องดัน

จึงทำให้จากลูกจ้างประจำ จากจ่าตรี ทหารเรือธรรมดาๆ ได้ขึ้นมาเป็น พลเรือเอกและเป็น"เจ้ากรมพระธรรมนูญ" สูงสุดใน สายวิชาชีพของทหารนักกฏหมาย

#เสธตุ่มทหารเรือสู้ชีวิต

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: