เกือบหูดับ! ‘ไทยไลอ้อนแอร์’เครื่องบินชำรุด-หน้ากากไร้ออกซิเจน ไล่ให้ไปต่อแถมไม่คืนเงิน!





 

สายการบินโลว์คอสต์ดัง "ไทยไลออนแอร์" ฉาวตั้งแต่สแกนกระเป๋าบกพร่อง อ้างมีพาวเวอร์แบงก์ เรียกให้ไปดูขู่ตกเครื่อง แต่ตรวจแล้วไม่พบ พอขึ้นเครื่องเอาเครื่องบินขัดข้องทำการบิน แอร์ไม่มี ร้อนอบอ้าว เทคออฟไม่นานหน้ากากออกซิเจนร่วง แต่สวมแล้วไม่มีอากาศ ต้องทนหายใจรวยริน บินวนกลับดอนเมืองปวดหูแทบระเบิด ตัดสินใจไม่เดินทางต่อ กลับไม่คืนเงิน อ้างไม่ได้ดีเลย์ 2 ชั่วโมง ไม่คืนให้

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Jatattaya Kittibunthon" ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความไม่พอใจการให้บริการของสายการบิน ไทย ไลออน แอร์ ซึ่งตนใช้บริการเป็นครั้งแรก โดยเริ่มจากระบบสแกนกระเป๋าบกพร่อง เพราะโทรศัพท์ตามให้รีบวิ่งจากประตูขึ้นเครื่องกลับไปที่เคาน์เตอร์เช็กอินภายใน 20 นาที อ้างว่ากระเป๋ามีแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ไม่เช่นนั้นจะปฏิเสธผู้โดยสาร ซึ่งตนถามเพื่อนที่มาด้วยกัน ยืนยันว่าไม่มี แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบว่ามีพาวเวอร์แบงก์ มีแค่อุปกรณ์เครื่องมือและน้ำกาแฟ ตนจึงรู้สึกว่าวิ่งไปเหนื่อยฟรี

ต่อมาเมื่อขึ้นเครื่องบิน ก่อนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า (Take off) อากาศในเครื่องร้อนมาก หายใจลำบาก จนต้องเอากระดาษมาพัด เหมือนเครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน หลังจากเครื่องบินเทคออฟไปไม่ถึง 20 นาที อยู่ๆ หน้ากอกออกซิเจนก็หล่นออกมา แต่ไม่มีประกาศจากนักบินหรือลูกเรือ ทุกคนหันหน้ามองกันว่าเกิดอะไรขึ้น จนสักพักเจ้าหน้าที่ถึงประกาศว่าให้สวมหน้ากาก แต่หน้ากากเพื่อนที่นั่งข้างๆ ไม่มีออกซิเจน จนลงมาถึงปลายทางได้คำตอบจากเพื่อนที่เป็นแอร์โฮสเตสสายการบินอื่นว่า เหตุการณ์ที่เจอคือ ความดันอากาศในเครื่องเสีย (Decompression) ซึ่งขนาดแอร์สายการบินอื่นที่บินมาหลายปียังไม่เคยเจอ

เวลาเกิดเรื่องพนักงานบนเครื่องดูแลชีวิตไม่ได้ เข้าใจว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดเรื่องแล้วไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ประกาศ ละเลยความรู้สึกผู้โดยสารเกินไป จนต้องถามแอร์ ซึ่งแอร์เองก็ดูทำอะไรไม่ถูก บอกได้แต่ว่าระดับอากาศบนเครื่องมีปัญหา กัปตันหายไปไหน ไม่ประกาศใดๆ หายใจจนหน้ากากแบน ต้องให้สุดๆถึงจะประกาศว่าจะเอาเครื่องกลับดอนเมือง 

ที่สำคัญ ไร้ความช่วยเหลือ หลังเกิดเรื่องลงมาอาคารผู้โดยสาร ทำไมคนที่ทำงานด้านล่าง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่ช่วยเหลือ ไม่แนะนำว่าต้องทำอะไรต่อ จนเราบอกไม่ขอเดินทางต่อ เพราะคนที่เดินทางมาด้วยปวดหูมาก คงไปต่อไม่ไหว ไม่มีการช่วยเหลือ ไม่มีทีมพยาบาลมาดูแล ไม่เยียวยาจิตใจหลังเกิดเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด ฝากไว้แต่ประโยคที่ว่า ถ้าไม่เดินทางต่อ คืนเงินเต็มจำนวนให้ไม่ได้ จะคืนให้ 150 บาท ค่าภาษีสนามบิน เพราะทางสายการบินจะคืนเงินและชดเชยในกรณีเดียวเท่านั้นคือเมื่อเที่ยวบินล่าช้าเกิน 2 ชั่วโมง พร้อมหน้าตาของพนักงานที่ไม่พร้อมฟังเรื่องราวใดๆ ที่เกิดขึ้นมาทั้งสิ้น พูดอยู่คำเดียวนี่คือกฎของบริษัท

"ฝากไว้จากใจ สินค้าหรือบริการใดก็ตามที่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันแล้วสามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตของลูกค้าได้ แบรนด์ควรแก้ไขสถานการณ์นั้นอย่างระมัดระวังเป็นที่สุด ทุกคนเข้าใจว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้และพร้อมจะทำใจยอมรับส่วนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ก่อนที่คุณจะหาทางแก้ไขสถานการณ์ใดๆ ควรเริ่มจากการรับฟัง เห็นอกเห็นใจผู้ประสบเหตุจากสินค้าหรือบริการของคุณ เพียงแค่นี้เหตุการณ์จะทุเลาลงไปเยอะ แล้วค่อยหาทางออกของสถานการณ์นั้นร่วมกัน ถ้าต้องทำธุรกิจที่เกี่ยวกับชีวิตคนอย่าทำแบบนี้ ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายลาก่อน Thai Lion Air" ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Jatattaya Kittibunthon" กล่าว

 

 

สอดคล้องกับเฟซบุ๊ก "Karn Poomrath" ซึ่งเป็นคนที่เดินทางมาด้วยกัน ระบุว่า ได้ใช้บริการของสายการบินไทยไลออนแอร์ จะไปทำธุระที่ จ.อุบลราชธานี อากาศภายในเครื่องน้อยมาก และร้อนอบอ้าวตั้งแต่อยู่บนรันเวย์ ตนก็นั่งอดทนไม่ได้พูดอะไรอยู่เกือบ 20 นาที หลังจากที่เครื่องขึ้นไปได้เพียง 10 นาทีอากาศก็ยังร้อนอยู่ จู่ๆ ก็มีหน้ากากออกซิเจนร่วงลงมาแบบเงียบๆ ไม่มีคำประกาศใดๆ อยู่เกือบนาที ให้ผู้โดยสารมองหน้ากันเองแบบเลิกลั่ก ไม่มีใครรู้ว่าเป็นความผิดพลาดที่มันร่วงลงมาเองหรือว่าเพราะเหตุจำเป็นจริงๆ 

จนกระทั่งมีเสียงประกาศให้ใส่หน้ากากออกซิเจนทุกคนถึงเริ่มใส่กัน พบว่า หน้ากากที่ตนใส่ดันไม่มีอากาศไหลออกมา พยายามจะหายใจเอาอากาศจากข้างในหน้ากากอยู่นาน จนสุดท้ายถอดหน้ากากออกแล้วหายใจแผ่วๆ จากอากาศในเครื่องดีกว่า มีประกาศจากนักบินชี้แจงว่ามีความผิดปกติบางอย่างทำให้ต้องบินกลับไปที่สนามบินดอนเมือง จากนั้นนักบินเริ่มลดระดับเพดานบินและวนเครื่องกลับไปที่สนามบิน ระหว่างทางวนกลับคนที่ทางฝั่งซ้ายเริ่มอ้วกแตก คนที่นั่งแถวหน้าเหมือนจะเป็นลม ตนเองปวดหูแทบระเบิด หน้ากากออกซิเจนก็เสีย ทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน

หลังจากเครื่องลงก็ยังไม่มีประกาศชี้แจงใดๆ อย่างเป็นทางการให้ผู้โดยสารทราบมีแค่บอกว่าต้องลงจากเครื่อง แล้วก็ให้รถบัสมารับกลับไปรอที่ประตูขึ้นเครื่อง พร้อมกับแจกบัตรผู้โดยสารต่อเครื่องให้คนละใบแบบเงียบๆ ไม่บอกสาเหตุ ไม่บอกแม้กระทั่งว่าต้องเปลี่ยนเครื่อง และไม่บอกว่ารอบต่อไปจะมากี่โมง ถามพนักงานตรงนั้นก็บอกไม่รู้ ตัดสินใจกับคนที่มาด้วยกันว่า ยกเลิกตั๋วดีกว่า เพราะปวดหูมาก ให้ขึ้นอีกรอบคงไม่ไหว พนักงานตรงประตูขึ้นเครื่องเลยบอกให้เดินไปแจ้งที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ไปถึงเคาน์เตอร์เช็กอินก็ไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น ให้ไปแจ้งที่เคาน์เตอร์บริการของไลออนแอร์ในสนามบิน

พนักงานที่เคาน์เตอร์บอกว่าจะคืนเงินได้กรณีเดียวคือเครื่องดีเลย์เกิน 2 ชั่วโมง ชี้แจงเหตุผลยังไงก็ไม่ยอม บอกปัดว่าให้รอขึ้นเที่ยวบินต่อไปได้ รู้ว่าไปได้ แต่ที่ไปไม่ได้เพราะปวดหู และที่ปวดหูก็เพราะเครื่องบินของคุณ ผ่านมา 12 ชั่วโมงจนถึงโพสต์นี้ยังหูดับอยู่เลย สรุปเสียเวลา ไปไม่ทันนัด เสียรายได้ เจ็บตัวอีก แต่กลับตอบลูกค้าว่ามันเป็นเงื่อนไขของสายการบิน คือถ้าแก้วหูทะลุไปก็ยังจะแนะนำให้ขึ้นเครื่องต่อว่าอย่างนั้น กรณีนี้ลูกค้าไม่เอาความก็ถือว่าดีมากแล้ว เขาแค่มาขอยกเลิกตั๋ว ถ้าใช้สามัญสำนึกเบื้องต้นก็ควรจะรับผิดชอบ ไม่ใช่พยายามยัดเยียดเพื่อเงินแค่สามพันกว่าบาท

"สินค้าหรือบริการใดก็ตามที่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันแล้วสามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตของลูกค้าได้ แบรนด์ควรแก้ไขสถานการณ์นั้นอย่างระมัดระวังเป็นที่สุด ทุกคนเข้าใจว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้และพร้อมจะทำใจยอมรับส่วนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ก่อนที่คุณจะหาทางแก้ไขสถานการณ์ใดๆ ควรเริ่มจากการรับฟัง เห็นอกเห็นใจผู้ประสบเหตุจากสินค้าหรือบริการของคุณ เพียงแค่นี้เหตุการณ์จะทุเลาลงไปเยอะ แล้วค่อยหาทางออกของสถานการณ์นั้นร่วมกัน ลาขาดไทยไลออนแอร์ ถ้าใครยังรักชีวิตอย่าขึ้นสายการบินนี้ครับ วิธีการสื่อสารในการบริหารจัดการสถานการณ์ห่วยมาก" ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Karn Poomrath" กล่าว

 

 

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เที่ยวบินสายการบินไทยไลออนแอร์ ในวันเกิดเหตุคือวันที่ 19 ก.ย. เที่ยวบินที่ SL620 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง กำหนดเวลา 07.30 น. ปลายทาง ท่าอากาศยานอุบลราชธานี แอดมินเพจ "Ubon Ratchathani Moving Forward" ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่า ต้องบินกลับท่าอากาศยานดอนเมือง หลังขึ้นบินได้ประมาณ 15 นาที เนื่องจากขัดข้องทางเทคนิค กัปตันจึงนำเครื่องลงและส่งผู้โดยสารสู่ภาคพื้น เป็นเหตุให้เที่ยวบินล่าช้า และแจ้งเปลี่ยนเครื่อง กำหนดการใหม่ของเที่ยวบินเป็น 09.30 น. ออกจากท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อเวลา 10.25 น. ถึงท่าอากาศยานอุบลราชธานีเวลา 11.30 น.

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : Ubon Ratchathani Moving ForwardJatattaya KittibunthonKarn Poomrath

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: