ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด! รีวิวขั้นตอนการสอบเข้าการท่าอากาศยานไทย(AOT)ปี2560 แบบคนไม่มีเส้น!





 

เรื่องโดย : malila_jasmine
เว็บไซต์ : https://pantip.com/topic/36848688

สวัสดีค่ะ 
อยากจะมารีวิวการสอบเข้า ทอท. ในแบบฉบับของคนไม่มีเส้นค่ะ เพราะก่อนสอบเราเข้ามาหาข้อมูลในนี้ แต่สิ่งที่เจอกลับกลายเป็นสิ่งนี้!!!

"องค์กรระดับเทพ พนักงานมีแต่เด็กเส้น"
"เส้นรัฐมนตรีเค้ายังไม่เอาเลย"
"4 แสนยังไม่รู้จะได้รึป่าว" หนักกว่านั้นคือ "ล้านนึงเค้ายังไม่เอาเลย" 
"ชอบกินเส้นมั้ยหละ"
"ลูกท่านหลานเธอทั้งนั้น"
"คำถามตอนสัมภาษณ์คือ รู้จักใครในนี้รึป่าว"
"ที่การท่าจะมีตู้เก็บประวัติลูกท่านหลานเธอโดยเฉพาะ คนที่ไม่มีเส้นประวัติโดนทิ้งลงถังขยะอย่างเดียว"

โอ้ยยยยยยยย!!!!
อ่านถึงตรงนี้ก็พาลทำให้ไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยวไปเป็นปีเลยค่ะ
ได้อ่านความคิดเห็นพวกนี้กำลังใจเราหายไปเกือบครึ่งแล้วค่ะ คิดไว้ก่อนเลยว่า สอบไม่ได้แน่นอนเพราะเราไม่มีเส้น เงินก็ไม่มี ไม่รู้จักใครด้วย…
แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาสอบไว้ไม่มีอะไรเสียหายเลย เราเลยเลือกที่จะเดินหน้าและตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ

พอสอบติดแล้ว เลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์กันค่ะ เผื่อเพื่อนคนไหนที่ท้อแท้ คิดว่าตัวเองคงหมดหวังแล้ว ขอให้เข้ามาอ่านที่กระทู้เรานะคะ เราเชื่อว่าถ้าตั้งใจจริง ยังไงก็ต้องทำได้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 : 

ปีนี้เว็บไซต์ของ AOT มีประกาศรับสมัครงานช่วงกลางๆเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ จะประกาศล่วงหน้าก่อนประมาณครึ่งเดือน เพื่อให้ผู้สมัครเตรียมตัวก่อนค่ะ จากนั้นเดือนวันที่ 1-30 มีนาคมจะให้ผู้สมัครถือเอกสารทั้งตัวจริงและสำเนา เข้ามายื่นที่สำนักงานใหญ่ (กรณีตำแหน่งอยู่ที่ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ) และท่าอากาศยานภูมิภาคตามตำแหน่งที่จะต้องไปสังกัดค่ะ 

รอบที่รับรอบนี้ส่วนใหญ่ที่สังเกตจะไปประจำอยู่ที่สุวรรณภูมิค่ะ และก็ตำแหน่งส่วนมากจะเป็นตำแหน่งวิศวกรสาขาต่างๆค่ะ รับเยอะเหมือนกัน ประมาณ 30 กว่าคนได้ค่ะ คิดว่าน่าจะเอาไปลงตรงที่เค้ากำลังจะทำ Phase 2 กันค่ะ ส่วนตำแหน่งอื่นก็มีมาบ้างตำแหน่งละคนสองคนค่ะ เช่น เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ นิติกร ช่างก่อสร้าง นักบัญชี สถาปนิก พนักงานต้อนรับ เจ้าหน้าที่เทคนิครักษาความปลอดภัย พนักงานดับเพลิง เป็นต้นค่ะแต่ละตำแหน่งจะมีอัตราเงินเดือนบอกไว้ด้วยนะคะ

เอกสารที่ AOT ขอไว้ส่วนใหญ่เป็นเอกสารส่วนตัวทั่วไปค่ะ ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน รูปถ่าย ประมาณนี้ค่ะ แต่มีที่เพิ่มเข้ามาอีกคือผลสอบ TOEIC ตัวจริง และใบประกอบวิชาชีพ (สำหรับบางตำแหน่งที่ต้องใช้) บางตำแหน่งมีใบวัดค่าดัชนีมวลกายด้วยนะคะ เช่น ตำแหน่งรปภ. และพนักงานดับเพลิงค่ะ  ที่ AOT กำหนดคะแนน TOEIC ขั้นต่ำที่ 550 คะแนนนะคะ  อ้อ อีกอย่างนึงคือที่นี่ วุฒิป.ตรีและป.โท จะรับอายุไม่เกิน 35 ปีเท่ากันค่ะ (รัฐวิสาหกิจบางที่รับถึงแค่ 28 ปีเองนะคะ)

วันที่ไปยื่น เราเตรียมเอกสารใส่แฟ้มไว้ค่ะ แยกเป็นชุดๆ อาจจะสำเนาเผื่อไว้สักชุดสองชุด เผื่อเหลือเผื่อขาดค่ะ เอาไปยื่นที่สำนักงานใหญ่ตรงดอนเมือง อยู่ฝั่งตรงข้ามกับสนามบินนะคะ อยู่ใกล้ๆปั้มปตท.ตรงถนนเชิดวุฒากาศค่ะ ตึกสีฟ้า เดินไปถามรปภ. เค้าให้ขึ้นไปชั้น 3 ค่ะ ใช้เวลายื่นแปปเดียวไม่เกินชั่วโมงค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเอกสารและแนะนำค่ะ บรรยากาศสบายๆไม่เครียดเลยค่ะ แต่ที่นี่จะต่างจากที่อื่นตรงที่ จนท.เค้าจะขอผลสอบ TOEIC ตัวจริงไว้ค่ะ ถ้าอยากได้คืน หลังเสร็จสิ้นกระบวนการสอบต้องไปขอ Reprint ที่ศูนย์สอบแล้วเอามาแลกค่ะ(อันนี้กรณีถ้าสอบผ่านนะคะ) หรือถ้าสอบไม่ผ่าน หลังเสร็จกระบวนการ เราคิดว่าน่าจะไปขอคืนได้เลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 : 

หลังจากที่ยื่นเอกสารที่สำนักงานใหญ่ AOT เรียบร้อยแล้ว ก็รอค่ะ ตามประกาศรับสมัครงานฉบับแรกบอกว่า จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสอบข้อเขียนวันที่ 12 เมษายนค่ะ ก็รอจนถึงวันนั้น ประกาศจะออกประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ สามารถดูผลได้จากในเว็บไซต์ของ AOT หรือจะไปดูผลเองที่ประกาศที่ตึกสำนักงานใหญ่ก็ได้เหมือนกันค่ะ  ขั้นตอนนี้เราว่า ถ้ามีเอกสารครบ อายุไม่เกิน เราว่าน่าจะผ่านกันหมดทุกคนค่ะ สำหรับตำแหน่งเรารอบนี้ อัตราการแข่งขันอยู่ที่ประมาณ 5:1 ค่ะ

สำหรับประกาศฉบับนี้ ก็จะแจ้งกำหนดการสอบค่ะ ปีนี้มีการสอบข้อเขียนทั้งหมด 2 รอบนะคะ รอบแรกจะเป็นข้อสอบแบบ Aptitude Test หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า วิชาความถนัดทั่วไปค่ะ ทุกตำแหน่งต้องผ่านการสอบวิชานี้นะคะ ของปีนี้สอบวันเดียวกันหมดเลย คือวันที่ 23 เมษายนค่ะ มีเวลาเตรียมตัวจากวันประกาศไม่ถึง 2 อาทิตย์เลยค่ะ 

ปีนี้สอบที่ธรรมศาสตร์ค่ะ เวลาสอบประมาณ 9 โมงถึงเที่ยงค่ะ คนเยอะมากกกกกกเลยค่ะ เพราะทุกตำแหน่งต้องมารวมกันที่นี่หมด เราว่าคนน่าจะหลายร้อยคนเลยค่ะ เพราะบางตำแหน่ง คนสมัครเกือบ 400 คนแต่รับแค่ไม่ถึง 10 คนเองค่ะ เค้าจะจัดแยกห้องสอบกันไป มีเจ้าหน้าที่จากธรรมศาสตร์เป็นผู้คุมสอบค่ะ ข้อสอบไม่ยากค่ะ เป็นข้อสอบวัดเชาวน์ปัญญาเฉยๆ ไม่ได้มีการคิดคำนวณอะไรเลยค่ะ อาจจะมีเรื่องจับใจความภาษาไทยนิดหน่อย กับพวกอนุกรมง่ายๆค่ะ ส่วนตัวเราเอง ตอนแรกนึกว่าจะเป็นข้อสอบแบบ SMART 1 เราเลยเตรียมตัวไปเต็มที่เลยค่ะ เน้นฝึกคำนวณ แต่ที่ไหนได้ ไม่ออกเลยแม้แต่ข้อเดียว

สอบรอบที่สอง ตามประกาศจะแจ้งไว้เป็นช่วงวันที่ 24 – ปลายเดือนเมษายนค่ะ(แล้วแต่ตำแหน่ง สอบตำแหน่งละครึ่งวัน) มีเวลาพักนิดนึงหลังจากสอบ Aptitude Test เสร็จก็ไปลุยวิชาความรู้เฉพาะตำแหน่งกันต่อเลยค่ะ สำหรับวิชานี้ แต่ละตำแหน่งจะสอบคนละวันกันนะคะ อุปกรณ์ที่ให้นำเข้าห้องสอบได้ก็แล้วแต่ตำแหน่งเหมือนกันค่ะ อย่างพวกวิศวกร ก็สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ เป็นต้นค่ะ บางตำแหน่งก็จะมีการสอบวัดสมรรถภาพทางร่างกายด้วยค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่ตำแหน่งใครตำแหน่งมันเลยค่ะ 
สำหรับเรา เราว่าข้อสอบรอบนี้ยากมากๆค่ะ ยากมากและเยอะมากค่ะ ส่วนใหญ่ทำข้อสอบไม่ทันกัน เค้าให้กระดาษเปล่ามาคนละ 5 แผ่น ส่วนใหญ่ก็ขอเพิ่มกันหลายแผ่นเลยค่ะ ระยะเวลาการสอบก็แล้วแต่ตำแหน่งอีกเหมือนกันค่ะ เราคิดว่าข้อสอบพาร์ทนี้ น่าจะเป็นตัวชี้วัดแล้วค่ะว่าใครจะได้ไปต่อ เพราะเราว่าคนที่จะทำข้อสอบแบบนี้ได้ ต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้วค่ะ บางคำถามเหมือนเจาะจงถามเฉพาะคนที่ต้องเคยผ่านงานมาแล้วเลยค่ะ เราว่าพาร์ทนี้ ถ้าเตรียมตัวมาน้อย หรือไม่ได้เตรียมตัวมาเลย เราว่าโอกาสพลาดน่าจะสูงทีเดียวค่ะ

ขั้นตอนที่ 3 :

ใครจะอยู่ใครจะไป เราจะมารู้กันที่ขั้นตอนนี้แล้วค่ะ หลังจากประกาศชุดที่ 2 ที่ได้แจ้งไว้แล้วว่าจะประกาศผลผู้มีสิทธิเข้ารับการสัมภาษณ์ (ผ่านข้อเขียน) ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค่ะ ใช้เวลาเกือบๆ 1 เดือนในการเฟ้นหาผู้เข้ารอบค่ะ ส่วนตัวหลังจากสอบวิชาเฉพาะเสร็จ เราแอบคิดว่าเราน่าจะไม่ผ่าน เพราะข้อสอบมันยากมากจริงๆค่ะ แต่ก็ลิมคิดไปว่า ถ้ามันยากสำหรับเรา สำหรับคนอื่นก็น่าจะยากเหมือนกัน เพราะเราเองก็คิดว่าเราเตรียมตัวมาดีแล้วค่ะ ส่วนตัวเองก็มีประสบการณ์ทำงานมาแล้วด้วย แต่ก็ไม่ได้เสียใจหรืออะไรนะคะ เพราะว่าก็มีงานทำอยู่แล้ว เป็นงานที่ชอบมากและได้อยู่ในหน่วยงานที่ดีมากๆเหมือนกันค่ะ 

วันที่ 26 พฤษภาคม วันนั้นเราคิดไว้แล้วค่ะว่าผลสอบต้องออกตอน 5 โมงเย็นแน่ๆ แต่ก็ไม่วายเปิดรีเฟรชหน้าเว็บของ AOT เกือบทุกครึ่งชั่วโมงเลยค่ะ แต่ปรากฏว่า 5 โมงก็แล้ว 6 โมงก็แล้ว ผลสอบก็ยังไม่ออก มาออกเอาจริงๆตอนประมาณทุ่มนึงค่ะ วันนั้นเราทำ OT อยู่ที่ออฟฟิต พอผลสอบมีชื่อตัวเองติดมาด้วย ก็แทบจะกรี้ดแล้วค่ะ ขนาดว่าตอนนั้นยังลังเลอยู่เลยว่าถ้าติอจริงๆจะออกจากที่เก่าดีรึป่าว เพราะที่เก่าเราก็เป็นรัฐวิสาหกิจที่ดีมากๆเหมือนกันค่ะ แถมถ้าลาออก เงินเดือนยังลดลงตั้ง 6 พันบาทแหน่ะ

พอผลสอบออก เราก็มาไล่ดูค่ะว่าผ่านเข้าสัมภาษณ์ทั้งหมดกี่คน อัตราส่วนความเป็นไปได้ตำแหน่งเราอยู่ที่ 2:1 ค่ะ หมายความว่าต้องมีครึ่งนึงที่จะไม่ได้ไปต่อ และอีกครึ่งนึงที่จะได้ไปต่อค่ะ  ประกาศบอกให้ไปสัมภาษณ์วันที่ 8 มิถุนายนค่ะ มีเวลาเกือบๆ 2 สัปดาห์ในการเตรียมตัวค่ะ ส่วนของเราเราเตรียมเอกสารที่อยากโชว์กรรมการไปด้วยค่ะ เป็นพวกประวัติการทำงานต่างๆ ประวัติการเข้าอบรมต่างๆที่คิดว่าจะมีผลต่อการทำงานของเรา และก็พวก Resume ค่ะ 

พอใกล้ๆวัน เราก็เตรียมตัวหาชุดเพื่อจะใส่ไปสัมภาษณ์ค่ะ ก็พยายามเลือกสีดำ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงทุกข์ให้ในหลวงร.9 หาสูทเนี้ยบๆมาเตรียมไว้ค่ะ เราใส่กางเกงสแลค เสื้อเชิ้ตสีขาว สวมสูททับค่ะ ผมก็มัดรวบเรียบร้อย แต่งหน้าให้พอดี เพราะเราคิดว่า บุคลิกภาพเป็นอีกปัจจัยใหญ่ปัจจัยนึงที่จะทำให้กรรมการเห็นแล้วประทับใจในตัวเราค่ะ พวกเอกสารที่เตรียมไว้ก็เอามาเข้าเล่ม ทำปกดีๆให้น่าอ่านค่ะ เรามีการฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยนะคะ 5555 แอบคิดไปเองว่า เออ เผื่อกรรมการถามเป็นภาษาอังกฤษ เราก็จะได้พร้อมเปิดไปเลย อะไรแบบนี้อะค่ะ 55555

พอถึงวันจริง เค้าจะเรียกให้ไปนั่งรวมกันก่อนค่ะ ก็มีเพื่อนๆที่เข้ารอบน่าจะ 80 คน(ไม่แน่ใจ) มานั่งรวมกันค่ะ อันนี้เค้าสัมภาษณ์รวมกันหลายตำแหน่งนะคะ จะมีเจ้าหน้าที่มาอธิบายขั้นตอนต่างๆค่ะ บรรยากาศก็เรื่อยๆค่ะ แอบง่วงตอนนั่งรอ เพราะต้องรอให้ถึงคิวตำแหน่งเรา ก็นั่งจ้องหน้าเพื่อนๆไปค่ะ บางคนก็ทำความรู้จักกันไป ก็ถือว่าเป็นการฆ่าเวลาที่มีประโยชน์ดีค่ะ 

พอถึงเวลาก็เข้าไปห้องสัมภาษณ์ เป็นห้องเล็กๆค่ะ กรรมการมีประมาณ 8 ท่าน นั่งเรียงกัน แล้วยิงคำถามมาที่เรา คำถามก็เป็นคำถามทั่วไปค่ะ มีการถามความคิดเห็นในเรื่องงานบ้างเล็กน้อย ส่วนตัวเราว่า กรรมการท่านน่าจะดูเรื่องทัศนคติเป็นหลัก รองลงมาคงเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ การพูดจา ไหวพริบในการตอบคำถามมากกว่าค่ะ ส่วนไอ่คำถามที่หลายๆคนอยากรู้กัน คือคำถามแนวๆว่า รู้จักใครในทอท.มาก่อนมั้ย อะไรแบบนี้ บอกตรงนี้เลยนะคะว่าไม่มีค่ะ ไปถามเพื่อนๆคนอื่นก็ไม่มีใครโดนถามแบบนี้เหมือนกันค่ะ  555555  ของเราใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 20 นาทีนะคะ 

สัมภาษณ์เสร็จก็เสร็จเลยค่ะ กลับบ้านได้เลย ตรงนี้เราอยากเสริมนิดนึงคือ มีคนถัดไปจากเรา สัมภาษณ์ไวมากๆค่ะ ไวขนาดที่ว่า เราสัมภาษณ์เสร็จ เข้าห้องน้ำ เดินออกมา เพื่อจะขึ้นลิฟต์ เจอเค้ารออยู่ตรงลิฟต์แล้วอะค่ะ ถามไปถามมาได้ใจความว่า กรรมการแทบจะไม่คุยกับเค้าเลยค่ะ จากที่เราดูภายนอก เค้าเป็นคนพูดเสียงเบามากๆค่ะ วันนั้นเค้าใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีกรมท่า กับกางเกงสีเทา ใส่รองเท้าคล้ายๆผ้าใบแต่เป็นผ้าเหมือนผ้ากระสอบถักๆ….เรามองว่าตรงนี้น่าจะเป็นส่วนนึงที่ทำให้กรรมการไม่ค่อยประทับใจจนอยากจะทำความรู้จักเค้าให้มากขึ้นค่ะ ใครจะมองว่ากรรมการดูคนแค่ภายนอก แต่เรากลับมองว่า ระยะเวลาแค่ 10-20 นาที ไม่มีทางที่กรรมการจะทำความรู้จักไปจนถึงส่วนลึกของจิตใจ หรือความสามารถที่เค้ามีได้ทั้งหมดค่ะ บุคลิกภาพและการแต่งตัว เป็นสิ่งแรกที่เค้าเห็น เพราะฉะนั้น เราว่าทำไปเถอะค่ะถ้าอยากได้งานนั้นจริงๆ ไม่เป็นตัวของตัวเองแค่วันนึง เราว่ามันก็คุ้มนะคะถ้าเราได้งานมา

ขั้นตอนที่ 4 :

ประกาศผลสัมภาษณ์ค่ะ ปีนี้ประกาศผลวันที่ 28 มิถุนายนค่ะ รออีกประมาณ 20 วันผลสอบก็ออก ผลสอบดูได้จากเว็บไซต์หรือที่สำนักงานใหญ่ก็ได้ค่ะ ในส่วนของเราก็สอบติดค่ะ ก็ถือว่าทำการบ้านเยอะมากๆกับการสอบในครั้งนี้ค่ะ พอไปบอกพ่อกับแม่ว่าสอบติด พ่อกับแม่ตกใจมากค่ะ เพราะเค้ากลัวเราจะลาออกจากที่เดิม 555555 แต่สุดท้ายพอเอาข้อดีข้อเสียมาชั่งน้ำหนักเข้าด้วยกัน เราก็เลือกลาออกจากที่เดิม แล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ค่ะ ยอมลดเงินเดือนตัวเองเพื่อให้ได้ทำงานใกล้บ้านค่ะ และก็รู้สึกว่าคิดไม่ผิดจริงๆที่ย้ายออกมา

กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เราเขียนไว้ยาวมากค่ะ ที่เขียนเพราะอยากให้คนที่สนใจอยากมาทำงานที่ AOT ได้รู้ว่า มันไม่ได้มีแต่เด็กเส้นนะคะที่ได้ทำงานที่นี่ เรายอมรับว่าที่นี่มีเด็กเส้นจริงๆค่ะ แต่ก็อยากให้ทุกคนทราบด้วยว่า ที่นี่ก็มีการสอบคัดเลือก รับเด็กที่เข้ามาด้วยความสามารถด้วยเช่นกันค่ะ ไม่อยากให้คนที่อยากเข้า ท้อใจ และหมดกำลังใจกับใครก็ไม่รู้ที่บอกว่า ต้องมีเส้นเท่านั้นนะ เส้นใหญ่มั้ยละ มีคนรู้จักมั้ยหละ เงินถึงรึป่าว…เราว่ามันไม่ค่อยแฟร์กับคนที่เข้ามาด้วยความสามารถเท่าไหร่ค่ะ 

และหลังจากที่เราได้มาทำงานที่นี่ เราก็พบว่า คนที่เข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ก็ไม่ได้มีน้อยไปกว่าเด็กเส้นเลยค่ะ คนที่สอบเข้ามาได้ก็มีจำนวนมาก แต่ไม่รู้ทำไม พอพูดถึง AOT คนต้องหาว่าเป็นเด็กเส้นกันไปหมด 

เราอยากเป็นกำลังใจให้คนที่ต้องการสอบเข้าที่นี่นะคะ ขอให้ตั้งใจ เตรียมตัวให้ดี ทำการบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ อย่าให้คำพูดของใครก็ไม่รู้มาบั่นทอนกำลังใจเรานะคะ อย่าให้คนที่โทษนู่นโทษนี่แต่ไม่เคยโทษตัวเอง มาทำให้เรารู้สึกว่า เราจะสู้คนอื่นไม่ได้ เราเชื่อว่า ถ้าเราทุ่มเทเกินร้อย ยังไงเราก็ต้องได้มันมาค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: