ขับรถหน้าฝนต้องรู้! วิธีถนอม ‘ที่ปัดน้ำฝน’ ให้ใช้นาน ยางไม่เสื่อม สปริงไม่เสีย…ขับแล้วปลอดภัยมากขึ้น





หน้าฝนแบบนี้ ที่ปัดน้ำฝนกลายเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นเป็นอย่างมากที่จะช่วยสร้างทัศนวิสัยที่ดีในการขับรถได้ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องลุยฝนที่ตกอย่างหนัก

แต่บางคนกลับลืมที่จะใช้มันอย่างถูกวิธี พอจะใช้มันทีไรก็กลายเป็นเสีย ฝืด ปัดประจกไม่สะอาด หรือที่หนักที่สุด ก็คือ ใช้การไม่ได้เลยก็มี

แต่ถ้าคุณรู้จักวิธีการดูแล ที่ปัดน้ำฝน อย่างถูกต้อง คุณก็จะสามารถใช้มันได้อีกนาน แต่จะต้องทำอย่างไรบ้าง? และที่เคยคิดหรือเคยทำมันถูกต้องหรือเปล่า? ตามมาหาคำตอบกันได้เลยค่ะ

 

 

วิธีที่ผิด

1. ยกก้านที่ปัดน้ำฝนขึ้นเป็นประจำ

จริงอยู่ที่ความร้อนหรืออุณหภูมิบนกระจกรถอาจสูงถึง 50 องศาเซลเซียส หากไม่ยกที่ปัดน้ำฝนขึ้น ยางที่ปัดน้ำฝนจะสัมผัสกับผิวกระจกที่ร้อน และอาจทำให้ยางของที่ปัดน้ำฝนนั้นเสียรูป แข็งกรอบ และเสื่อมสภาพไวกว่าปกติ  ซึงจะทำให้ประสิทธิภาพของการปัดน้ำฝนออกจากกระจกลดลง

อย่างไรก็ตาม การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นเป็นประจำก็มีข้อเสียเช่นกัน โดยจะส่งผลเสียต่อสปริงทำให้สปริงล้าและส่งผลให้ยางปัดน้ำฝนไม่แนบกับกระจกตลอดความยาวได้ รวมทั้งแกนหมุนมอเตอร์ก็จะต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติด้วย

 

‘ราคาเปลี่ยนก้านปัดน้ำฝน’ สูงกว่า ‘ราคายางปัดน้ำฝน’ มากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น มาดูวิธีที่ถูกต้องกันเถอะ

 

 

วิธีการถนอมที่ปัดน้ำฝนที่ถูกต้อง

สาเหตุที่ยางปัดน้ำฝนเสื่อมเร็วกว่าปกติส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากความร้อนเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการใช้งานและการรักษามากกว่า เราควรถนอมที่ปัดน้ำฝนให้ใช้ได้นาน ดังนี้

 

1. สำรวจฝุ่นทราย

เมื่อจอดรถไว้ทิ้งไว้นาน ๆ ควรยกก้านปัดมาทำความสะอาดฝุ่นทรายที่เกาะติดโดยการปัดหรือเป่าออก

ทั้งนี้เพราะการปัดน้ำฝนในขณะที่มีเศษฝุ่นทรายอยู่ ยางปัดน้ำฝนจะบิ่นเร็ว และจะทำให้กระจกรถของคุณเสียหายด้วย

 

 

2. เช็ดทำความสะอาดให้ถูกต้อง

วิธีการดูแลรักษาก้านและยางปัดน้ำฝนสามารถทำได้ดังนี้

1.ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น และใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดหมาดมาเช็ด

คำเตือน : ไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาเช็ดเพราะน้ำยาบางชนิดอาจทำให้เนื้อยางเสื่อมสภาพลงได้เร็วกว่าปกติ

2. เทคนิคการเช็ดให้เช็ดรูดไปตามความยาวของยางปัดน้ำฝนในทิศทางเดียว

3. คราบสีดำเหนียว หรือ คราบละอองน้ำมันไอเสียรถยนต์สามารถเช็ดออกได้ แต่หากพบร่องรอยการฉีกขาดหรือแข็งกรอบให้เปลี่ยนชุดใหม่ทันที

เพราะนอกจากจะทำให้ปัดกระจกไม่สะอาดแล้ว ยังทำให้เกิดเสียงดังหรือเกิดรอยขีดข่วนบนกระจกได้อีก คราวนี้จะเสียทั้งที่ปัดน้ำฝนและกระจกหน้ารถไปด้วย

 

 

3. ปิดแผลด้วยยาสีฟัน

หากสำรวจแล้วว่ากระจกรถมีรอยขีดข่วนเล็กๆน้อยๆ หรือมีแผลตื้น ๆ ให้ใช้ยาสีฟัน หรือบลาสโซ่ขัดเงาทองเหลือง มาทาบริเวณที่เป็นรอย จากนั้นใช้ผ้าแห้งสะอาด ๆ เช็ด รอยจะค่อย ๆ จางลงได้

แต่ถ้ารอยลึกอาจต้องแก้ไขด้วยการขัดกระจกหรือเปลี่ยนกระจกใหม่ทั้งบาน

 

4. ควรลงน้ำยาเคลือบกระจกไว้เสมอ

การลงน้ำยาจะช่วยให้การทำความสะอาดและเคลือบให้กระจกลื่น และช่วยลดภาระของยางใบปัดให้น้อยลงได้

 

 

ทั้งนี้ อายุการใช้งานของยางปัดน้ำฝนโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน-1 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ คุณภาพ อย่ารอให้ยางเสื่อมสภาพหรือเสียก่อนจึงจะค่อยเปลี่ยน แต่ทั้งนี้ อายุของยางปัดน้ำฝนจะยาวหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของคุณด้วย

 

เพื่อทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดี และช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยลง อย่าลืมดูแลอุปกรณ์สำคัญบนรถของคุณด้วย เพราะนอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณได้ด้วย

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก newaltisthailandclub.com

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: