ลูกหลานอาจไม่ได้เห็น!!! เผย 10 สถานที่สำคัญบนโลกนี้! ที่อาจหายไปตลอดกาล เพราะความมักง่ายของมนุษย์!!!(ชมภาพ)






สิ่งเหล่านี้จะหายไปจากโลกแน่หากยังมีความมักง่ายของมนุษย์ เราอาจได้เห็นโลกของเราใบนี้เปลี่ยนไป หลายคนคงคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัว แต่ใครจะรู้ว่า ผลกระทบอันร้ายแรงที่ค่อยๆ เกิดขึ้นทีละน้อย จะส่งผลเสียให้สถานทีท่องเที่ยวหลายแห่ง กำลังถูกทำลายลงอย่างช้าๆ และอาจหายไปในชั่วชีวิตเราก็เป็นได้

1. เกาะอีสเตอร์, ชิลี


ถ้าพูดถึงเกาะที่มีความลึกลับน่าค้นหาที่สุด ต้องมีชื่อของเกาะอีสเตอร์ที่ประเทศชิลี อยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ และนั่นทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากมายหลั่งไหลกันไปจนสร้างความเสียหายให้กับอนุเสารีย์ที่เก่าแก่ ระบบนิเวศบนเกาะที่เปราะบาง และการทิ้งขยะไม่เป็นที่อีกมากมายด้วย


 
2. ยอดเขาคิลิมันจาโร, แทนซาเนีย

ยอดเขาคิลิมันจาโรได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ๆ สูงที่สุดในแอฟริกา ซึ่งมีอากาศหนาวขนาดมีหิมะปกคลุมอยู่ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา หิมะเริ่มละลายลงอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถป้องกันได้ นักวิทยาศาสตร์ทำนายไว้ว่า หิมะบนยอดเขาแห่งนี้จะหายไปในปี 2033


 
3. เกาะคูเลบรา, เปอร์โตริโก

ในอดีตที่ผ่านมา กองทัพเรือสหรัฐใช้เกาะแห่งนี้ในการฝึกทิ้งระเบิด ซึ่งนั่นส่งผลต่อพืชและสัตว์จำนวนมาก จนกระทั่งในปี 1975 การทิ้งระเบิดยุติลง แต่สิ่งที่เข้ามาทำลายระบบนิเวศบนเกาะแห่งนี้แทนก็คือบรรดานักท่องเที่ยว ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตบนเกาะแห่งนี้อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
 


4. มาดากัสการ์

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ป่าทั้งหมดบนแผ่นดินมาดากัสการ์จะหายไปจนหมดในปี 2025 ถ้าพวกมันไม่ได้รับการช่วยเหลือ มีสัตว์หลากหลายสายพันธุ์บนเกาะแห่งนี้ที่ยังไม่เคยถูกศึกษามาก่อน และพวกมันมีโอกาสที่จะสูญพันธุ์ไปก่อนที่เราจะทันได้รู้ว่า เคยมีพวกมันอยู่บนโลกด้วย


 
5. กำแพงเมืองจีน

นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวหลายล้านคนต่อปี และมีนักท่องเที่ยวหลายคนที่มักจะหยิบหินกลับไปเป็นที่ระลึก รวมถึงธุรกิจอย่างการนำหินมาสลักเป็นชื่อขาย การขโมยหินมาทำเป็นรั้ว รวมถึงการพังทลายของพายุทราย ซึ่งตอนนี้ กำแพงเมืองจีนมีความเสียหายไปแล้วกว่า 22% หรือคิดเป็นระยะทางถึง 2,000 กม. เลยทีเดียว


6. พุกาม, เมียนมาร์

พุกาม เป็นสถานที่ตั้งของวัดและเจดีย์มากกว่า 2,000 แห่ง ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11-12 และได้รับการบูรณะอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 1995-2008 แต่หลังจากที่พุกามเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมียนมาร์ นักท่องเที่ยวก็หลั่งไหลเข้ามามากมายจนสร้างความเสียหายจนวัดหลายแห่งเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว

 
7. นุก, กรีนแลนด์

นุก คือเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของกรีนแลนด์ที่ปกคลุมด้วยหิมะและหมีขั้วโลก แต่ตอนนี้รัฐบาลมีแผนที่จะต่อยอดอุตสาหกรรมอัญมณีที่นี่ และนั่นจะนำไปสู่การก่อสร้างเหมืองที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ นอกจากนี้ น้ำแข็งบริเวณชายฝั่งอาจละลายหมดได้ภายในปี 2100 ซึ่งจะทำให้เมืองหลวงของที่นี่ตั้งอยู่บนขอบของเกาะ
 


8. ทะเลสาบนิคารากัว

ทะเลสาบนิคารากัว เป็นสถานที่เดียวในโลกที่มีฉลามน้ำจืดอาศัยอยู่ โดยในปี 2014 รัฐบาลได้อนุมัติให้มีการก่อสร้าง “คลองนิคารากัว” เพื่อเชื่อมต่อกับมหาสมุทรแปซิกฟิกและแอตแลนติก ชาวบ้านหลายร้อยคนต้องอพยพออกไป ซึ่งคลองดังกล่าวจะพาดผ่านพื้นที่กว่า 3.12 ล้านไร่ และทำให้ป่าดิบชื้นทั้งหมดหายไปด้วย


 
9. หมู่เกาะเซเชลส์

นี่คือประเทศที่ประกอบไปด้วยเกาะ 115 เกาะในมหาสมุทรอินเดีย โดยชายหาดของเซเชลส์หลายแห่งกำลังค่อยๆ จมอยู่ใต้ผืนน้ำ เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล นอกจากนั้นยังทำให้เกิดการสูญพันธุ์ของปะการัง การกัดเซาะบริเวณชายฝั่งที่ทำให้เกาะเหล่านี้ค่อยๆ หายไป คำถามที่นักวิทยาศาสตร์อยากรู้ ไม่ใช่ว่าเกาะแห่งนี้จะจมน้ำหรือไม่ แต่เป็นเกาะแห่งนี้จะจมน้ำทั้งเกาะเมื่อไหร่
 

10. เกรตแบร์ริเออร์รีฟ, ออสเตรเลีย

นี่คือแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดและยาวที่สุดในโลกที่ยาวกว่า 2,000 กม. ครอบคลุมพื้นที่กว่า 345,000 ตร.กม. แต่ผลจากสภาวะโลกร้อนที่เป็นภัยคุกคามต่อแนวปะการังอย่างร้ายแรง จึงทำให้ปะการังเหล่านี้ค่อยๆ สูญพันธุ์ไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้ามีอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นแม้แต่เพียงองศาเดียว สาหร่ายจะเริ่มตาย ปะการังก็จะได้รับแสงอาทิตย์ที่รุนแรงขึ้น และส่งผลต่อเนื่องไปถึงระบบนิเวศอื่นๆ ทั้งหมดตามมา

ข้อมูลจาก :  brightsideเพชรมายา

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: