หนี้บัตรเครดิต เป็นหนึ่งในหนี้สินที่พบเห็นได้กับประชาชนชาวไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกับชาวกรุงเทพที่ใช้ชีวิตผ่านบัตรและระบบอิเล็กโทรนิคส์เป็นปรกติ เพราะการใช้บัตรเครดิตที่ถูกวิธีจะทำให้คุณได้รับผลประโยชน์ต่างๆมากขึ้นกว่าการใช้เงินสด แต่ก็มักเป็นทางเลือกที่ผิดสำหรับใครหลายๆคน ที่ยังไม่สามารถบริหารจัดการหรือมีเหตุจำเป็นที่ทำให้การใช้จ่ายของตัวเอง แปรสภาพมาเป็นหนี้สินที่ท่วมทับตัวเองไปแทน
[ads]
เทคนิคการใช้บัตรเครดิตให้กำไร หรือ ใช้บัตรอย่างไรไม่ให้เป็นหนี้ เป็นเรื่องที่สามารถหาอ่านได้ และแก้ปัญหาระยะยาวจริง แต่หากคุณเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ตอนนี้ หรือเป็นหนี้สินเชื่ออื่นๆที่ไม่สามารถรับมือไหว เราอยากมาแนะนำ วิธีการรับมือหนี้สินไม่ให้บานปลาย หรือที่หลายๆคนชอบเรียกว่า การโอนหนี้บัตรเครดิต หรือ การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั่นแหล่ะ
ปลดหนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินด่วนเสมอไป
เรื่องราวของคนเป็นหนี้สิน ไม่ว่าจะยืมเพื่อน เป็นหนี้ในระบบหรือเป็นหนี้นอกระบบ สิ่งแรกที่ต้องทำคือวางแผนให้ดีเสียก่อน ใช่ว่าจะใช้หนี้ไปเรื่อยๆตามที่ไหว หรือรีบๆปลดให้หมดแต่เดือดร้อนเอาทีหลัง เทคนิคในการบริหาร วางแผนจัดการเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้เรื่องการเงินบ้าง วันนี้แรบบิท ไฟแนนซ์อาสามาอธิบายทางเลือกง่ายๆให้คุณได้ลองประยุกต์ใช้ดูกัน
สินเชื่อทางเลือก สำหรับปลดหนี้
คำว่า “สินเชื่อ” ไม่ได้แตกต่างอะไรจากคำว่า “กู้เงิน” สักเท่าไหร่ เมื่อคุณเป็นหนี้บัตรเครดิต ที่เคยระยะปลอดดอกเบี้ยไปแล้ว หนี้บัตรเครดิตของคุณจะเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างน่าใจหาย (โดยมาก ดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 20) จนทำให้การผ่อนชำระขั้นต่ำไม่ทำให้หนี้สินหมดไปเสียที ยิ่งใช้ก็ยิ่งเยอะ ยิ่งเป็นหนี้ก็ยิ่งขยับตัวลำบาก ทำให้การ โอนหนี้บัตรเครดิต กลายมาเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น “สินเชื่อบุคคลซิตี้ สำหรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต โอนหนี้บัตรเครดิต” ที่ทางธนาคารซิตี้แบงก์มอบข้อเสนอโอนหนี้บัตรเครดิตไปเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลแทน แม้ว่าจะเป็นการโยกหนี้จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง แต่ข้อดีก็คือ
- -ระยะเวลาการผ่อนชำระที่แตกต่างกัน
- -เงื่อนไขดอกเบี้ยที่อาจจะต่ำกว่าหนี้บัตรเครดิต
- -เพิ่มความคล่องตัวในการจัดการ
แต่หากหนี้สินก้อนนั้นกลายเป็นปัญหาใหญ่แล้ว ไม่สามารถทำเรื่องขอสินเชื่อได้ ให้ไปต่อในข้อถัดไป แต่พึงระลึกเอาไว้ว่า การขยายเวลาผ่อนชำระหนี้สิน = เครดิตที่ดูดีขึ้น
บัญชีดำก็มีทางออกถ้าเลือกให้ดี
เครดิตบูโร หรือ แบล็กลิสต์ ที่คนไทยเข้าใจและคุ้นเคยกัน เป็นหนึ่งปัญหาใหญ่ที่จะทำให้ท่านไม่สามารถขยับตัวได้เลยในโลกของการเงิน บัตรเครดิต สินเชื่อ หรือแม้แต่การเปิดบัญชีธนาคาร สักแห่งจะวุ่นวายขึ้นมากเมื่อคุณมีชื่อติดอยู่ในบัญชีดำ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของหนี้บัตรเครดิต หากคุณมีชื่ออยู่ในบัญชีดำไปเรียบร้อยแล้ว อย่าพึ่งถอดใจ เพราะทางออกก็ยังมีอยู่ ในรูปแบบของสินเชื่อหลากหลายรูปแบบ
ยกตัวอย่างเช่น “เมืองไทยลิสซิ่ง สินเชื่อทะเบียนรถยนต์” เป็นรูปแบบสินเชื่อที่ต้องอาศัยหลักประกันในเชิงรถยนต์ แต่ผู้ให้บริการจะไม่ตัดสิทธิ์ของคุณออก ต่อให้คุณติดบัญชีดำเครดิตบูโร ก็สามารถยื่นเอกสารเพื่อขอสินเชื่อได้
รูปแบบนี้จำเป็นต้องใช้หลักประกันบ้าง เช่นการจำนองบ้าน รีไฟแนนซ์รถยนต์ หรือรูปแบบของสินเชื่อแบบมีหลักประกันเองก็ใช้ได้ หากคุณไม่มีทรัพย์สินใดใดหรือไม่สามารถเสี่ยงไปมากกว่านี้ได้ เราแนะนำให้เลือกทางสุดท้าย
ถ้าเกิดจากการทำธุรกิจทางภาครัฐก็จะพยายามช่วยเหลือ
หนี้สินที่ทับถมเสียจนเครดิตไม่เหลือดี จะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย จะกู้ก็ไม่ผ่าน จะใช้ทรัพย์สินก็ไม่มี ขอให้ย้อนดูก่อนแต่แรกว่ามีรายรับหรือไม่ หากมีรายได้ บริหารเงินได้ นั่นคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ คือตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้สำเร็จ แล้วใช้หนี้ทีละช้าๆจนกระทั่งสามารถขอสินเชื่อหรือหาหลักประกันได้ แต่หากคุณเป็นหนี้สินท่วมท้นจากการทำธุรกิจรายย่อย หรือ SME ทั่วๆไป ก็มีทางเลือกที่ภาครัฐช่วยนำเสนอให้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น สินเชื่อคนมีรายได้น้อย หรือแม้แต่ ลงทะเบียนผู้ว่างงาน เป็นต้น
หัวใจสำคัญคือความขยัน หากคุณมุ่งมั่นที่จะปลดหนี้หรือบริหารรายรับรายจ่ายของคุณได้ดี หนี้จะหมดหายไปแน่นอน การโอนหนี้เป็นเรื่องของการบริหารจัดการการเงินส่วนตัว หากคิดจะทำ ก็ต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆอาจทำให้เงื่อนไขที่ได้รับไม่คุ้มค่า หนี้อาจจะน้อยไป ค่าธรรมเนียมอาจจะสูง ขึ้นตามแต่ผู้ให้บริการ และการหยุดพักบัตรเครดิตไว้จนกว่าจะปลดหนี้สำเร็จก็เป็นทางเลือกที่่ดีเช่นเดียวกัน
ขอบคุณเนื้อหาจาก:https://moneyhub.in.th
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ