เมนู“หมูกระป๋อง” ลองสักครั้งจะติดใจ[พร้อมสูตร]





   สมัยเด็กๆ เวลามีกีฬาสีหรือกีฬาโรงเรียน เราก็ต้องซ้อมร้องเพลงเชียร์กัน มีเพลงหนึ่งที่จำได้ขึ้นใจ เพราะร้องง่าย ทำนองคึกคักสนุกสนาน แต่จะชื่อเพลงอะไรก็จำไม่ได้เสียแล้ว“..หมูแผ่น หมูแผ่น หมูหยอง..หมูกระป๋อง จะลงสนาม (..ตรงนี้ใส่ชื่อสีหรือสังกัดของเราลงไป..) นักกีฬาเรืองนาม (ซ้ำ) พอลงสนาม ต้อนเอาต้อนเอา..”

[ads]

   นั่นแหละครับร้องกันได้ร้องกันดี เผลออีกทีหลายๆ คนเล่นกีฬาสีกันจนโตแล้วยังไม่ค่อยจะยอมเลิกก็มี..อย่างไรก็ดี ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่า “หมูกระป๋อง” ในเนื้อร้องนั่น หน้าตามันเป็นเช่นไรแน่..จนชั้นแต่หมูกระป๋องที่ผมจะชวนทำในวันนี้ ก็ไม่ได้อยู่ในกระป๋องเอาเลยด้วยซ้ำ

   ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ก็คือแม่ผมเอง ครูสุพร เหลือลมัย เขาจะมีสูตรทำปลากระป๋องกินเองครับ โดยใช้ปลาทูสด (short-bodied mackerel) ต้มกับมะเขือเทศที่ต้มคั้นกรองเอาแต่น้ำเปรี้ยวๆ ใส่เกลือป่น เคี่ยวไฟอ่อนไปราวสามชั่วโมงจนก้างกลางของปลาเปื่อย จึงเติมน้ำมันพืช และซอสมะเขือเทศ (ketchup) เล็กน้อย ปลาที่แม่ผมต้มนี้กินได้ทั้งตัว หน้าตาเหมือนปลากระป๋องที่เรารู้จักกันดีเป๊ะเลยครับ ชั่วแต่ว่าเนื้อของปลาทูสดๆ นี้จะอร่อยกว่ามากๆ อย่างชั้นเทียบกันไม่ได้

   สูตรนี้ ผมคิดว่ามีทำกันหลายบ้าน ในเขตสมุทรสงครามบ้านเดิมของแม่ผม เพราะในหนังสือ ตำรับอาหารเมืองสมุทรสงคราม ของ คุณอารีย์ นักดนตรี ก็มีกล่าวถึงอยู่ด้วย

   ทีนี้วันหนึ่งแม่หาปลาทูดีๆ ไม่ได้ เลยใช้เนื้อหมูแทน ผมไปรู้เข้าก็ประหลาดใจมาก แถมผมคิดต่อไปว่า แทนที่จะใช้ส่วนเนื้อหมูแบบแม่ทำ ผมลองสามชั้นเลยดีกว่า มันหมูพออยู่ในซอสมะเขือเทศข้นๆ ต้องอร่อยมากแน่ๆ

   สูตรที่จะชวนทำนี้ เป็นขั้นตอนเร่งรัด สำหรับคนอาศัยในเมืองใหญ่ๆ ที่มีชีวิตติดอยู่กับซุปเปอร์มาร์เก็ตเลยล่ะครับ รับรองว่าจะลุกขึ้นมาทำได้อย่างง่ายๆในเช้าวันหยุด แถมอร่อยแน่นอน..ส่วนใครที่มีตลาดสดน่าตื่นตาตื่นใจให้จับจ่าย ก็ย่อมสามารถประยุกต์เลือกใช้วัตถุดิบดีๆ ซับซ้อนๆ กว่าที่ผมทำนี้ไปได้อีกอย่างไม่รู้จบนะครับ

   เริ่มแรก เราหั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นใหญ่ๆ เรียงใส่หม้อเคลือบให้เต็มก้นหม้อ แทรกระหว่างช่องชิ้นหมูให้สวยงามด้วยหัวกระเทียม พริกแห้ง แท่งอบเชยและโป๊ยกั๊กเล็กน้อย โปรยพริกไทยดำบุบ เกลือป่น ถ้าชอบกลิ่นใบเบย์ (bay leaf) ฉีกใบแห้งใส่สักใบก็ได้ครับ 

ภาพ:www.technologychaoban.com

1.เปิดกระป๋องมะเขือเทศปอกผิว (peel tomato) เทใส่ลงไป หยอดมะเขือเทศเข้มข้น (tomato paste) สักสองช้อนโต๊ะ

2.เติมน้ำให้ท่วมครับ แล้วตั้งไฟ พอเดือดก็หรี่เป็นไฟอ่อน คอยเติมน้ำถ้าเริ่มแห้ง เคี่ยวไปจนหมูสามชั้นของเราเปื่อยนุ่ม ซึมซับเอากลิ่นและรสสดเปรี้ยวของมะเขือเทศจนเอิบอาบฉ่ำเยิ้มอยู่ในเนื้อในน้ำมันนั้น จึงเติมน้ำมันหมูดีๆ กับซอสมะเขือเทศอีกนิดหน่อยเพื่อปรับความข้นมันของเนื้อน้ำซอสขลุกขลิกในหม้อ

แล้วจะกินกับอะไรดี ? ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรากินปลากระป๋องกันยังไงน่ะครับ

-กินกับผักสดอย่างแตงกวา ผักกาดหอม ก้านเซลเลอรี่ แนมด้วยหอมแดงซอย พริกขี้หนูหั่นใส่ถ้วยเติมน้ำปลา น้ำมะนาวเล็กน้อย

-ยำรสจัด ใส่ตะไคร้ใบมะกรูดซอยละเอียด หอมแดง กระเทียมสับ พริกขี้หนู มะนาว น้ำปลาดี โรยผักชี กินกับถั่วฝักยาวและก้านคะน้ากรอบๆ หรือจะแยกเอาชิ้นหมูไปอบในเตาอบ ผิวกรอบดีแล้วก็หั่นชิ้นหนาๆ ราดน้ำซอส ในหม้อพอขลุกขลิก เลียนแบบวิธีเสิร์ฟหมูอบน้ำส้ม (Adobo) สูตรฟิลิปปินส์แบบหนึ่งเสียเลยก็ยังได้

   อนึ่ง ถ้าเบื่อหมูสามชั้น ก็อาจเปลี่ยนเป็นคากิ เนื้อวัวน่องลาย ปีกไก่ดีๆ หรือใครกินมังสวิรัติก็คงทดลองใช้ไข่ต้ม หรือไม่ก็เต้าหู้แบบต่างๆ ได้อย่างสนุก แต่ถ้าได้ปลาทูสดตัวเล็กๆ มันๆ มาละก็ ขอให้ลองสูตรแม่ผมดูเถิดครับ จะลืมปลากระป๋องในกระป๋องไปเลยแหละ

เชื่อผมเถอะ !

ที่มา : เสาร์ประชาชื่น มติชนรายวัน ผู้เขียน : กฤช เหลือลมัย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: