4 คำตอบที่ควรใช้แทนคำว่า “ไม่รู้” จะได้ดูฉลาดขึ้น





ในชีวิตประจําวันของเรา ต้องเผชิญหน้ากับคําถามเป็นจํานวนมาก นับตั้งแต่คําถามง่ายแสนง่าย อย่าง "วันนี้กินอะไรกันดี?” (ซึ่งจริง ๆ แค่คําถามแบบนี้ก็ไม่จ่ายแล้ว ถ้าแฟนเป็นคนถาม) ไปจนถึงคําถามที่ต้องการการตัดสินใจอย่างเรื่องงาน หรือคําถามที่ต้องการข้อมูล ต้องการความคิดเห็นเป็นคําตอบ แน่นอนว่าเราไม่ใช่ Google จะมีคําตอบไปทุกสิ่งอย่างในทันใดก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่การเอาแต่ตอบปฏิเสธทุกคําถามว่า “ไม่รู้ ๆ” บ่อยครั้งเข้า ก็ดูจะเป็นการสื่อสารที่ขาดประสิทธิภาพ ดูขาดความเตรียมพร้อมและไม่มืออาชีพไปสักหน่อย โดยเฉพาะในที่ทํางาน ดังนั้นเพื่อคงความเป็นมืออาชีพเอาไว้ เราขอเสนอ 4 ประโยคเด็ดที่ใช้บอกว่า"ไม่รู้" แต่ทําให้ดูฉลาดขึ้นได้ 

 

"เดี๋ยวไปหาคำตอบให้นะ"
การบอกว่าเดี๋ยวจะหาคําตอบมาให้ เป็นการตอบกลับที่มีคุณภาพมากที่สุดอีกวิธีหนึ่ง เพราะเป็นคําตอบแบบที่เราก็กล้ายอมรับแบบแมน ๆ ว่าคําตอบนี้เรายังไม่รู้ตอนนี้หรอกนะ เเต่เราไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เพราะเราจะพยายามไปหาคำตอบมาให้ได้ด้วย นอกจากนั้นการบอกว่าจะไปหาคําตอบมาให้ทีหลัง ยังทําให้คุณดูเป็นคนพึ่งพาได้ มีประโยน์ ช่างค้นหาข้อมูลในสายตาคนอื่น

 

"เราก็สงสัยอยู่เหมือนกัน"
ถ้าคําถามที่เราถูกถามมา นอกจากเราไม่รู้แล้ว ยังยากไปอีกระดับโดยที่เราก็ไม่รู้จะไปหาข้อมูลจากไหนมาตอบคําถาม แทนที่จะตอบว่า"ไม่รู้" เฉย ๆ เราอาจตอบว่า "เรื่องนี้ก็กําลังอยากรู้อยู่เหมือนกัน” การตอบแบบนี้จริง ๆ ความหมายก็ไม่ต่างกับการบอกว่าไม่รู้เท่าไหร่ แต่มันช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนถามให้อยู่ฝั่งเดียวกัน เนื่องจากแม้เราสองคนไม่รู้คําตอบเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แล้วเราตัดจบการสนทนาเพียงเท่านั้น แต่เราจะดูเป็นมือ อาชีพขึ้นเพราาะเรากําลังสนใจ สงสัย และอยากรู้ในเรื่องเดียวกันกับเขา โดยอาจจะสานต่อบทสนทนาไปว่าเราสงสัยในประเด็นไหนเพิ่มเติม เราจะช่วยกันหาข้อมูลหรือคําตอบในเรื่องนี้กันในรูปแบบไหนได้บ้าง

 

 

"อืม..ถ้าให้ตอบแบบดีที่สุด..เราคิดว่า…
บางทีคําถามก็ยาก ซับซ้อน จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่ามันมีคนที่รู้คําตอบที่แน่นอนของเรื่องนี้อยู่จริง ๆ ด้วยเหรอ? ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็อาจเป็นการเดา แต่ก็ไม่ใช่เดามั่ว ๆ แต่เดาเอาจากพื้นฐานความรู้ที่เรามีหรือเคยเรียนมา เคยอ่านเจอ สิ่งสําคัญก็คืออย่าตอบเหมือนว่าคําตอบนั้นเป็นคําตอบที่ถูกต้องที่สุด ใช่ที่สุด แต่ให้ตอบว่านี่เป็นแค่ทฤษฎีที่เราคิดขึ้นเอง โดยอ้างอิงจากความคิดแบบนี้หรือความรู้แบบนั้น โดยไม่ชี้ชัดลงไปว่านี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องเชื่อฟัง การตอบแบบนี้จึงดูมีความมืออาชีพ เพราะเราได้แสดงความคิดเห็นได้บอกว่าเรารู้อะไรบ้าง แต่ก็ไม่ดูอวดเกินไปเพราะเราก็ไม่ฟันธงว่านี่คือคําตอบที่ดีที่สุด แถมเป็นการเปิดโอกาสให้คนในวงสนทนาได้ร่วมถกเถียงกันว่าเห็นด้วยหรือไม่ เห็นด้วยกับคําตอบของเรา รวมถึงเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงคําตอบที่เขาคิดว่าดีที่สุดของตัวเองออกมา

 

"ทำไมเราไม่ลองถาม…ดูล่ะ?"
เมื่อคําถามถูกถามขึ้นมา บางทีเราก็รู้ทันทีเลยว่าเราไม่ใช่คนที่จะตอบคําถามนี้ได้ดีที่สุด อาจจะมีพี่แผนกข้าง ๆ ที่เจ๋งเรื่องนี้จริง ๆ หรือเรามีเพื่อนที่ทําธุรกิจด้านนี้โดยเฉพาะซึ่งจะตอบคําถามนี้ได้รู้ลึก รู้จริงกว่าเราแน่ ๆ ไม่ต้องกล้วว่าการส่งต่อคําถามไปให้คนอื่นจะดูเหมือนเป็นการปัดความรับผิดชอบ เพราะในภาพรวม การทําแบบนี้เป็น เรื่องที่ฉลาดมาก ๆ ในการยอมรับว่ามีคนที่มีความรู้มากกว่าเรา และไม่ลังเลที่จะเปิดโอกาสให้คนคนนั้นตอบ เราจึงดูเป็นมืออาชีพที่ยอมรับขอบเขตความรู้ของตัวเอง และไม่กีดกันคนอื่น เท่ไปอีก !!

การไม่รู้เป็นเรื่องไม่ผิด การตอบว่าไม่รู้ก็ยิ่งไม่ผิดเหมือนกัน ดีกว่าไม่รู้แล้วแถไปว่าตัวเองรู้เป็นไหน ๆ แต่ประโยค 4 ประโยคข้างบน ก็นับเป็นอีกทางเลือกในกรณีที่พูดคําว่าไม่รับ่อยเกินไปแล้ว ใช้ 4 ประโยคนี้แทนก็จะช่วยสร้างความเป็นมืออาชีพในบทสนทนาได้มากขึ้นกว่าเดิม
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: