ต้องระวัง ! “น้ำในหูไม่เท่ากัน” โรคใกล้ตัว…ที่คุณไม่ควรมองข้าม





คุณเคยมีอาการเหล่านี้หรือไม่…

 

อยู่ดีๆ ก็เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะคล้ายๆ บ้านหมุนโดยไม่รู้สาเหตุ

กระเพาะอาหารปั่นป่วน อยากอาเจียน พอลุกขึ้นยืนก็ทรงตัวไม่อยู่

 

หากคุณมีอาการเหล่านี้คงจะเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งว่าคุณอาจเกิด ‘โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน’

 

Swimmers Ear Medicine-yYWF

 

 

พญ.จิรัฐา งามศิริเดช แพทย์ หู คอ จมูก โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายถึงโรคดังกล่าวว่า

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือ โรคเมเนียร์ (Meniere’s disease) เป็นโรคที่พบได้บ่อย

เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นในที่ควบคุมระบบการได้ยินและการทรงตัว

ทำให้มีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน การได้ยินลดลง เสียงก้องในหู และแน่นหูได้

 

[ads]

 

อาการของโรค

     ประกอบไปด้วย 3 กลุ่มอาการ

 

 1. เวียนศีรษะแบบบ้านหมุน โดยปกติมักเป็นทันทีทันใด

มีอาการเป็นๆ หายๆ อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนแต่ละครั้งอาจจะมีอาการประมาณ 2-3 ชั่วโมง

และมักมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

2. ประสิทธิภาพการได้ยินลดลง มักจะมีอาการเป็นๆ หายๆ

โดยอาจเป็นหูข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักพบเป็นหูข้างเดียวมากกว่า

3. เสียงดังในหู แน่นหู อาจทนเสียงดังไม่ได้

 

 

สำหรับการวินิจฉัยของแพทย์

 

โดยปกติแล้วจะซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด

ก็สามารถวินิจฉัยได้หากผู้ป่วยมาด้วยอาการที่เด่นชัดทั้ง 3 อาการดังกล่าว แต่หากอาการไม่ชัดเจนอาจต้องอาศัย

เครื่องมือที่ช่วยในการวินิจฉัย ได้แก่

 

 1. การตรวจการได้ยิน

2. การตรวจคลื่นไฟฟ้าในหูชั้นใน

3. การตรวจระบบการทรงตัวของหูชั้นในและการทดสอบแคโรลิก

4. การทดลองให้ยาเพื่อลดปริมาณน้ำในหูชั้นใน แล้วสังเกตดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่

5. การตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง

ในกรณีที่สงสัยว่าอาการเวียนศีรษะเกิดจากก้อนเนื้องอกบริเวณประสาทการได้ยิน

6. การตรวจโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สมอง ในกรณีที่สงสัยว่ามีเนื้องอกบริเวณสมองและระบบประสาท

การรักษาโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน จะต้องควบคุมอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
 

ทำให้อาการทางหูและการได้ยินกลับมาปกติ โดยอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยทางด้านการปฏิบัติตัว

และการรักษาด้วยยา ซึ่งการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยต้องงดอาหารเค็ม

เช่น ขนมซองที่มีเกลือปริมาณมาก เครื่องดื่มบำรุงกำลังบางชนิด งดเหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ

นอกพักผ่อนให้เพียงพอ ลดเครียด

 

แต่หากรักษาด้วยวิธีปรับเปลี่ยนการปฏิบัติตัวและรักษาด้วยยาร่วมกันแล้วยังไม่ได้ผล

อาจจะต้องใช้วิธีทางเลือกอื่นๆ เช่น

 

1. Meniett device เป็นเครื่องมือที่ใส่เข้าไปในหู แล้วให้ผู้ป่วยปรับความดันเอง

โดยความดันจากเครื่องมือนี้จะส่งผลไปยังหูชั้นในทำให้อาการเวียนศีรษะดีขึ้น

2. การฉีดยาเข้าในหูชั้นกลาง ปัจจุบันยาที่นิยมมี 2 ชนิด คือ 2.1 Dexamethasone

เป็นยาที่ช่วยให้ความถี่ในการเวียนศีรษะลดลงและมีผลอาจช่วยให้การได้ยินดีขึ้น

ซึ่งสามารถฉีดบ่อยได้ทุก 1-3 เดือน  2.2 Gentamicin เป็นยาฉีดเพื่อควบคุมอาการเวียนศีรษะ

แต่อาจมีผลข้างเคียงเรื่องการได้ยินที่ลดลง

3. การรักษาโดยการผ่าตัด ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการมากและรักษาด้วยวิธีการใดก็ไม่ได้ผล

ซึ่งการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคนี้ มีหลายวิธี แต่ละวิธีมีความเสี่ยง ข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน

ผู้ป่วยควรปรึกษากับแพทย์ หู คอ จมูกเรื่องรายละเอียดการรักษาก่อนตัดสินใจ

 

ทั้งนี้ อาการเวียนศีรษะโรคน้ำในหูไม่เท่ากันมิใช่เรื่องที่น่ากลัว หากคุณหรือบุคคลใกล้ชิดมีอาการดังกล่าว

สามารถมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งการรักษาอาจต้องใช้ความอดทน

และความร่วมมือในจากผู้ป่วย

หากช่วยกันก็สามารถทำให้อาการกลับมาเป็นปกติหรือเกือบปกติได้

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก http://health.spokedark.tv/2014/07/23/menieres_disease

รูปประกอบจาก cvseventh.com

 

[ads=center]

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: