6 พ.ย.2562 เวลา 10.00 น. กลุ่มผู้สูงวัยเพื่อรัฐสวัสดิการจังหวัดสุรินทร์ นำโดย บุญเลิศ สุขสวัสดิ์ ประธานกลุ่มฯ พร้อมประชาชนผู้สูงวัย ยื่นหนังสือ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อเรียกร้องเรื่องเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ เดือนละ 3,000 บาท
บุญเลิศ สุขสวัสดิ์ ประธานกลุ่มฯให้เหตุผลว่า เบี้ยผู้สูงอายุ เดือนละ 600 บาท ซึ่งก็เท่ากับวันละ 20 บาท ไม่เพียงพอต่อดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ผู้สูงอายุคือบุคลากรที่ผ่านวัยการทำงานร่วมช่วยสร้างสรรค์สังคมมาตลอดช่วงชีวิต ไม่ต่างกับข้าราชการเพียงแต่ได้รับการบรรจุเป็นบุคลาการของหน่วยงานเมื่อถึงช่วงวัยเกษียรพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับการดูแลเป็นบำนาญ ขณะที่ประชาชนทั่วไปได้รับเบี้ยผู้สูงอายุในอัตราปัจจุบันคือ 600 บาทต่อเดือนไม่เพียงพอเพราะต่อค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน รัฐต้องดูแลประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุของประเทศไทยอย่างเหมาะสม ให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติ ไม่ให้เดือดร้อนลูกหลานจนเกินไปเพราะลำพังพวกเขาก็อยู่อย่างยากลำบากกับยุคสมัยปัจจุบันแล้ว สำหรับ 3,000 บาท จึงเท่ากับวันละ 100 บาท จึงเหมาะสมให้ผู้สูงวัยสามารถอยู่ได้ และที่สำคัญ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงก่อนเลือกตั้งไว้ว่า จะเพิ่มเบี้ยคนชราที่ 3,000 บาท ขณะนี้พรรคท่านได้เป็นรัฐบาลแล้ว เราจึงขอทวงถามถึงนโยบายดังกล่าวว่าได้ดำเนินการตามที่ประกาศนโยบายไว้แล้วหรือยัง
ภายหลังประธานกลุ่มชี้แจงถึงเหตุผลในมายื่นหนังสือครั้งนี้ต่อสื่อมวลชน ได้เดินขึ้นห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ เพื่อมอบหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ โดยทางผู้ว่ามอบหมายให้ นิวัติ น้อยผาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์รับมอบหนังสือ
นิวัติ น้อยผาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้กล่าวว่า จะเร่งดำเนินงานสรุปและส่งหนังสือตามขั้นตอนให้เร็วที่สุดภายในพรุ่งนี้ ซึ่งทางเครือข่ายสามารถติดตามเรื่องได้กับตนได้โดยตรง
จากนั้นทางประธานกลุ่มได้กล่าวในที่ประชุมว่าทางเราจะมีการติดตามเรื่องการเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุนี้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์อีกครั้งในเดือนหน้าคือเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ พร้อมกับถ่ายภาพการยื่นหนังสือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ก่อนเดินทางกลับ
ธนาชัย ธนาหิรัญบุตร ที่ปรึกษากลุ่มผู้สูงวัยเพื่อรัฐสวัสดิการ จ.สุรินทร์ชี้แจงว่า “พรรคพลังประชารัฐหาเสียงไว้ถ้าได้เลือกตั้งรัฐบาลจะเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 3,000 บาท เมื่อเขาได้เป็นรัฐบาล แต่ยังไม่ได้ดำเนินการตามที่ได้ให้สัญญาประชาคมไว้ เราจึงอยากทวงถามในเรื่องนี้” ธนาชัยกล่าว
ธนาชัยยังเล่าว่า หลังจากจัดเวทีคุยกัน 2-3 เวที พบว่า ในวันสำคัญลูกหลานก็อยากกลับมาหาตายาย แต่บางครั้งไม่กล้ามาหาเนื่องจากไม่มีเงินมาให้ หากปรับเบี้ยยังชีพให้สูงขึ้น 3,000 บาท จะทำให้ลูกหลานไม่ต้องมีภาระหาเงินมาดูแลผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุมีเงินไว้เลี้ยงตัวเองได้ ทำให้คุณภาพชีวิตดี ทำให้มีความสุข
“เป้าหมายหลักเราอยากเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า รัฐต้องดูแลผู้สูงอายุอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเราอยากผลักดันไปสู่นโยบายรัฐสวัสดิการ”
ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่าป้ายของกลุ่มผู้สูงวัยเพื่อรัฐสวัสดิการ จ.สุรินทร์ ระบุข้อความว่า “ตอบแทนคุณแผ่นดิน! ขอเพิ่มเบี้ยชราเดือนละ 3000 บาท ดีกว่าผลาญเงินไปซื้อเรือดำน้ำ” “ลดงบประมาณซื้อรถถัง ช่วยประทังชีวิตผู้สูงวัย” “รวมพลังกันต่อสู้ หรือจะอยู่อย่างอดอยาก” “เฒ่าแล้ว เฮ็ดงานกะบ่ได้ ทำงานกะบ่ไหว ขยับเบี้ยคนชรา 3,000 บาท/เดือน กะพอได้อยู่ได้กินไปวันๆเด้อ” เป็นต้น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ