คนค้นฅน The Explorer สัมภาษณ์ “พี่หนู ปาริชาติ พงษ์คำ” หรือฉายา “แม่บ้านเงินล้าน” สาววัย 50 กว่าที่ยังคงทำอาชีพแม่บ้านที่ทำตั้งแต่อายุ 13 ปี แม้ปัจจุบันจะมีเงินล้านแล้วก็ตาม
เพราะที่ศรีสะเกษไม่มีงานทำ และครอบครัวไม่มีเงินที่จะส่งให้เรียนต่อได้ ในวัยเพียง 13 ปี พี่หนูจึงเข้ากรุงเทพฯ มาหางานทำ โดยได้งานแรกเป็นแม่บ้าน เพราะเป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้ความรู้อะไรมาก โดยนายจ้างคนแรกเป็นบ้านที่ทำค้าขาย มีการทำรายรับรายจ่าย นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้พี่หนูฝึกให้ตัวเองรู้จักจัดระเบียบการเงินตัวเอง โดยในขณะนั้นมีเงินเดือนครั้งแรกคือ 700 บาท (เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว) ไม่เที่ยว มุ่งทำงานเก็บเงินอย่างเดียว เพื่ออยากมีเงินปลูกบ้าน ซื้อที่ให้พ่อแม่
“ถ้าเราไม่มีวินัย เงินเดือนไม่ได้เยอะ ไม่มีทางที่จะไปถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ได้แน่นอน”
ตั้งแต่เด็กจนแต่งงาน พี่หนูนำเงินที่ได้จากการทำงานให้พ่อแม่หมดทุกบาททุกสตางค์ โดยระหว่างนี้ก็มีพี่น้องด้วยกันช่วยกันด้วย เพราะตนเองส่งเงินคนเดียวคงไม่ไหว
เมื่ออายุ 26-27 ปี เป็นครั้งแรกที่เก็บเงินก้อนเพื่อแต่งงาน โดยแฟนที่คบเป็นคนที่รู้จักแนะนำมาให้ ซึ่งพี่หนูถามก่อนคบหากันเลยว่าเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่เล่นพนัน ไม่เที่ยว หรือไม่? และหากแต่งงานกันแล้ว รับได้ไหมถ้าจะเก็บเงินในแต่ละเดือนเท่าไหร่ พอแต่งงานแล้วการเก็บเงินก็ต้องมาวางแผนร่วมกันใหม่ คือพอได้เงินเดือน ก็เอาเข้าธนาคารทันที โดยหักประมาณ 60% ของเงินเดือนที่ได้มา 40% คือค่าอยู่ ค่ากิน ค่าเดินทาง
หลังแต่งงานพี่หนูก็ได้ย้ายมาทำงานเป็นแม่บ้านที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปี 2544 ที่นี่เองที่เป็นอีกจุดเปลี่ยนชีวิต ที่ทำให้พี่หนูมีความรู้เรื่องการลงทุน จากการเข้าห้องสมุดบ้าง ทำงานไปแล้วฟังไป เวลาที่มีงานสัมมนาบ้าง ซึ่งใช้เวลาเป็นกว่า 10 ปีกว่าจะกล้าตัดสินใจนำเงินเก็บมาลงทุนหุ้น เพราะตนถือว่าถ้าไม่มั่นใจอะไร จะไม่กล้าเสี่ยงเลย และตอนที่กล้าเปิดพอร์ตหุ้น ก็ไม่ได้ใช้เงินเก็บทั้งหมดแบบเทหมดหน้าตักลงทุน ยังกันเงินไว้ส่วนหนึ่งเป็นก้อนฉุกเฉิน เผื่อตัวเองล้ม เพราะที่ตัวเองลงทุนไป ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน
โดยหุ้นที่พิจารณาเลือกก็เป็นพวกของกินของใช้ประจำวันทั่วไป ไม่ได้มองที่ไกลตัวเองมาก หลังจากหุ้นก็พัฒนาไปเป็นทองบ้าง กองทุนรวมบ้าง และยังคงฝากประจำไปด้วย เงินฉุกเฉินก็ยังมีอยู่
ปี 2560 เป็นครั้งแรกที่พี่หนูสัมผัสเงินล้านจากดอกผลจากความใฝ่รู้ ลงทุนลงแรงด้วยตัวเองนี้
แม้ตอนนี้จะมีเงินล้าน เป็นไอดอลของนักลงทุนมือใหม่หลายคน ถูกเชิญไปเป็นวิทยากรหลายแห่ง แต่พี่หนูก็ยังคงทำงานที่รักคือการเป็นแม่บ้าน และยังคงยึดถือคติง่าย ๆ “ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์”
“แม่บ้านจริง ๆ มันก็ไม่ได้ง่ายนะ ถ้าคนที่เขาไม่ได้มีใจรักจริง ๆ ก็ทำไม่ได้นะคะ เพราะงานแม่บ้านน่ะเป็นงานที่ไม่จบ ซักผ้า รีดผ้า ทำกับข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน คือทุกอย่างที่เป็นงานแม่บ้าน คำว่าแม่บ้านคือยิบย่อยทุกอย่างเลย ถ้าเราอยู่ตามบ้าน ถ้าคนที่ไม่มีใจรักจริง ๆ ก็คือจะทำไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้มีอิสระที่จะไปนู่นมานี่ เพราะว่าเราอยู่กับเขา (ผู้ว่าจ้าง)”
แม้ความสุขของพี่หนูคือการเก็บเงิน แต่พี่หนูก็เข้าใจดีว่า คนเรามีความสุขไม่เหมือนกัน และไม่มีใครอยากจน “ทุกคนอยากรวยหมด การที่เรามีเงินมันไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่มันคือปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของเรา”
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ